ขอนแก่นเตรียมจัดงานมหกรรมไดโน่อาหารเกษตรปลอดภัย และโคเนื้ออีสาน
ขอนแก่น แถลงข่าวเตรียมจัดงานมหกรรม ไดโน่อาหารเกษตรปลอดภัยและโคเนื้ออีสาน สู่ไทยแลนด์ 4.0” เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภาคเกษตร มีสินค้าเกษตรเกรดเอคุณภาพส่งออกกว่า 200 รายเข้าร่วมและเป็นเวทีให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคและพ่อค้าโคภาคอีสาน ได้พบปะและดันขอนแก่นให้เป็นแหล่งผลิตโคเนื้อ แห่งภาคอีสาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. ที่ ห้องมงกุฎเพชร 3 โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นายชัยธวัช เนียมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย ดร.พัฒนา นุศรีอัน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ว่าที่ ร.ท.วรวุฒิ ขอดจันทึก เกษตรจังหวัดขอนแก่นและ ดร.สมศักดิ์ คุณเงิน นายกสมาคมโคเนื้อภาคอีสาน ร่วมแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมไดโน่อาหารเกษตรปลอดภัยและโคเนื้ออีสานสู่ไทยแลนด์ 4.0 จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน– 3 กรกฎาคม 2560 นี้
นายชัยธวัช เนียมศิริ รอง ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า มหกรรมไดโน่อาหารเกษตรปลอดภัยและโคเนื้ออีสาน สู่ไทยแลนด์ 4.0 มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าสินค้าอาหารเกษตรปลอดภัยในกลุ่มจังหวัด ภายใต้แผนงานบูรณาการเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ เป็นการพัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ได้แก่ จ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และจ.ร้อยเอ็ด เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีพื้นที่ตั้งอยู่บนเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก – ตะวันตก และยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อจังหวัดชายแดนที่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและโดดเด่น มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ และทำการค้าเพื่อการส่งออกจำนวนมาก การเสริมสร้างช่องทางและโอกาสทางการค้า การลงทุน ให้กับผู้ประกอบการย่อมเป็นการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจให้กับพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
ภายในงานมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย เครื่องจักรกลการเกษตร ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง และจังหวัดในภูมิภาคอื่นๆ มากกว่า 200 ร้านค้านิทรรศการเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10, การจัดนิทรรศการนำเสนอข้อมูลด้านการเกษตร เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางการเจรจาจับคู่ธุรกิจ การแสดงศิลปวัฒนธรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือพร้อมการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชื่อดังมากมาย
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า งานนี้มีความสำคัญ 4 ประการ 1.คือไดโน่ เป็นวาระเร่งด่วนที่จะขับเคลื่อน นำพาให้ขอนแก่นไปสู่ความเป็นมหานคร 2.คืออาหารปลอดภัย เพราะทุกวันนี้คนหันมากินอาหารภาคการเกษตรคือผู้ผลิตสำคัญจะต้องปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยและเข้าสู่มาตรฐานอาหารปลอดภัย คีย์เวิร์ดตัวที่สามคือไทยแลนด์ 4.0 คีย์เวิร์ดตัวสุดท้ายคือโคเนื้อ ซึ่งจะเป็นอนาคตใหม่ของเกษตรจังหวัดขอนแก่น งานนี้เป็นนโยบายสำคัญยุทธศาสตร์สำคัญ 5 ปี จากนี้ไปขอนแก่นจะต้องเป็นเมืองเกษตรปลอดภัยของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นแหล่งผลิตโคเนื้อคุณภาพดีที่สุดในภาคอีสาน
ด้าน ดร.พัฒนา นุศรีอัน เกษตรและสหกรณ์ จ.ขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาได้การดำเนินงานตามนโยบายปฏิรูปภาคการเกษตรจังหวัดขอนแก่น ในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และยกมาตรฐานคุณภาพสินค้าเกษตร ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค เช่น ศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การผลิตสินค้าเกษตร การส่งเสริมเกษตรกรแบบแปลงใหญ่ การยกระดับสินค้าเกษตร การส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ระบบส่งน้ำและกระจายน้ำ รวมทั้งการพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร ให้มีความพร้อมในการทำหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้ดี อาทิ แปลงใหญ่ข้าว แปลงใหญ่มะม่วง แปลงใหญ่ผัก และแปลงใหญ่ปลานิล เป็นต้น
ส่วน ดร.สมศักดิ์ คุณเงิน นายกสมาคมโคเนื้อภาคอีสาน กล่าวเสริมว่า เป็นการเปิดให้ผู้เลี้ยงโคได้พบปะแลกเปลี่ยนความรู้กัน จะมีผู้เลี้ยงหลากหลายทุกสายพันธุ์มาโชว์ที่บริเวณลานด้านนอกตัวอาคาร 19 ราย และยังมีเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆในการเลี้ยงและพัฒนาพันธุ์มาแสดง และเป็นครั้งแรกที่จะเป็นความร่วมมือทางเทคโนโลยีและด้านวิชาการ ร่วมกับผู้ประกอบการและภาครัฐของออสเตรเลีย ซึ่งจะเป็นการผลักดันให้การผลิตเนื้อของจังหวัดขอนแก่นและภาคอีสานเข้าสู่ระดับสากลมากขึ้น
“จากการดำเนินงานแสดงสินค้าแปลงใหญ่ทั้ง 4 ชนิด สามารถลดการผลิตได้รวม 49.57 ล้านบาท และเพิ่มผลผลิตรวม 46.12 ล้านบาท ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 95.69 ล้านบาท นอกจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สร้างความยั่งยืนของอาชีพเกษตรกรรม ด้วยการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยการนำองค์ความรู้ทางนวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการประกอบอาชีพ สอดรับกับแนวทางไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิต ให้เป็นการทำการเกษตรที่มีการพัฒนาของThailand 4.0 อย่างแท้จริง” ว่าที่ ร.ท.วรวุฒิ กล่าวในท้ายสุด