“จ.ขอนแก่น”เปิดตัว!อัจฉริยะรถไฟฟ้า มหานครสมาร์ซิตี้
บริษัทโตเกียวมอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด แนะนำรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของคนไทย รับประกันคุณภาพมาตรฐาน แบตเตอรี่5ปีเต็ม เจ้าเดียวในประเทศไทยเพื่อให้คนไทยได้มีรถไฟฟ้าดีๆราคาไม่สูง และมีบริการซ่อมบำรุงถึงบ้านด้วยแอ็ปพิเคชั่นในสมาร์โฟนที่สะดวกสบาย สมกับเป็นเมืองสมาร์ซิตี้แห่งแรกของประเทศไทย
เมื่อเวลา 14.30 นวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ที่บริเวณด้านหน้า โรงแรมวีวิชขอนแก่น ถนนกลางเมือง เขตเทศบาลนครขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายฐิตินันท์ แสงนาค (ส.ส.นันนี่) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย นายจารึก เหล่าประเสริฐ ,นายวรทัศน์ ธุลีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ,นายรุจติศักดิ์ รังษี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดขอนแก่น , ดร.สุภชัย จันปุ่ม ศึกษาธิการจังหวัด ,หัวหน้าส่วนราชการ และผู้ประกอบการ ร่วมเปิดตัวอัจฉริยะรถไฟฟ้ามหานครเมืองขอนสมาร์ซิตี้ โดยมีนายเขมทัต สุคนธสิงห์ ประธานกลุ่มบริษัทสิขร (บริษัท สิขร จำกัด) ภาคส่วนอุตสาหกรรมที่สนับสนุนด้านการผลิตรถในจังหวัดขอนแก่น และนางพรณี สึมิ ประธานกรรมการบริษัทโตเกียวมอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด ร่วมสาธิตและแนะนำวิธีการทำงาน ตลอดจนนำชม
นางพรณี สึมิ
นางพรณี สึมิ ประธานกรรมการบริษัทโต้เกียวมอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่าบ.โตเกียวมอเตอร์(ประเทศไทย)จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 8 เดือน8 ปี2008 มีนโยบายเพื่อแก้ปัญหาลดภาวะโลกร้อนโดยเริ่มที่ภาคอีสาน เป็นภาคแรก ด้วยการก้าวเดินอย่างช้าๆเพื่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับคนทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและชาวบ้านในการให้ความสำคัญเกี่ยวกับโลกร้อน พร้อมทั้งเข้ามาสนับสนุนเรื่องรถมอไซค์ไฟฟ้า ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อ2ปีที่ผ่านมาได้พยามส่งเสริมและสนับสนุนให้จังหวัดขอนแก่น เป็นเมืองยานยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในประเทศไทย และในปีนี้ในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและ งานกาชาด ประจำปี 2563 ประจำจังหวัดขอนแก่น โดยนำรถไฟฟ้า เพื่อสร้างสรรค์ให้ชาวเมืองและคนขอนแก่นได้ใช้รถไฟฟ้าคุณภาพดีจากฝีมือคนไทย รับประกันคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้คนไทยได้มีรถไฟฟ้าดีๆราคาไม่สูง พร้อมทั้งมีบริการซ่อมบำรุงถึงบ้านด้วยแอ็ปพิเคชั่นในสมาร์โฟนที่สะดวกสบายสมกับเป็นเมืองสมาร์ซิตี้แห่งแรกของประเทศไทย กับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของคนไทย ด้วยการ รับประกันแบตเตอรี่5ปีเต็ม เป็นเจ้าเดียวในประเทศไทย
นายฐิตินันท์ แสงนาค
นายฐิตินันท์ แสงนาค (ส.ส.นันนี่) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเรื่องสมาร์ทซิตี้ นับได้ว่า เป็นประเด็นหลักของตนเอง เมื่อครั้งตอนหาเสียง เป็นสภาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 ขอนแก่นอยู่ นับว่าเป็นความโชคดีว่า ที่ได้มาอยู่พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจากการพูดคุยกันกับเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ในประเด็น Smart City ให้ช่วยผลักดัน และมีอีกหลายโครงการที่จะช่วยผลักดัน ทั้งเรื่องถนนหนทางไฟฟ้าและอีกหลายอย่าง แต่ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ภาคเอกชนให้ความร่วมมือกับทางจังหวัด พัฒนาจังหวัดโดยใช้ระบบโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นรถใช้ไฟฟ้า และเป็นที่ต้องการของจังหวัดขอนแก่นเรา ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้ทางรัฐบาลได้มีการผลักดัน ซึ่งแม้กระทั่งรถเมล์ไฟฟ้า ที่จะเข้ามาในประเทศไทยกว่าคัน 4,000 คัน ล็อตแรก ถือว่า จ.ขอนแก่นของเราโชคดี พร้อมทั้งเป็นการ ตอบโจทย์ของการเป็น Smart City เพราะว่าจ.ขอนแก่น จะต้องมีการลดมลพิษ โดยเฉพาะฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ที่เกิดจาก มลพิษ ของการ คมนาคมส่วนหนึ่ง ถ้ามีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจะตอบโจทย์ได้ทุกปัญหาเลย
นายเขมทัต สุคนธสิงห์
ด้านนายเขมทัต สุคนธสิงห์ ประธานกลุ่มบริษัทสิขร (บริษัท สิขร จำกัด) ภาคส่วนอุตสาหกรรมที่จะมาสนับสนุนด้านการผลิตรถไฟฟ้าในจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่ารถไฟฟ้าทุกคันออกแบบโดยบริษัทสิขรจำกัด รถNEX1คันที่เป็นรถนั่งผลิตต้นแบบที่บริษัทสิขรจำกัด จากนั้นบริษัทเออร์บานโมบิลิตี้เทคโนโลยี จำกัด รับสิทธิ์ไปผลิตและพัฒนาระบบIOT ส่วนรถรุ่นอื่นๆที่บริษัทสิขรจำกัด ผลิตต้นแบบ จะทำการผลิตเองบางส่วน โดยยินดีสนับสนุนบริษัทของคนไทยรับลิขสิทธิ์มาทำการผลิตในท้องถิ่นในกรณีจังหวัดขอนแก่น บริษัทโตเกียวมอเตอร์เป็นผู้ติดต่อขอสิทธิ์มาหาผู้เหมาะสมทำการผลิต
นายเขมทัต กล่าวด้วยโดยทางบริษัทได้ผลิตและออกแบบยานยนต์ไฟฟ้า มาตั้งแต่พศ. 2546 โดยผลิตเป็นรถยนต์สามล้อที่ใช้ในงานประชุม สัมมนา สุดยอดเอเปค ต่อจากนั้นก็ได้พัฒนายานยนต์ยี่ห้อต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้ามาโดยตลอด วันนี้ก็ขอขอบคุณทางจังหวัดขอนแก่น ที่จัดงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและ งานกาชาด ประจำปี 2563 ประจำจังหวัดขอนแก่น ได้เปิดโอกาส ให้ทางบริษัทเราได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทางจังหวัดขอนแก่นได้มีการร่วมแรงร่วมใจผลักดัน Smart City ตนเองก็อยากมีส่วนร่วม ที่จะทำให้จังหวัดขอนแก่นเป็น smart City จึงได้นำยานยนต์ไฟฟ้าในได้หลายรูปแบบ มานำเสนอในวันนี้ มีตั้งแต่รถสามล้อไฟฟ้า ซึ่งใช้สำหรับรับผู้โดยสาร และรถสามล้อที่สามารถบรรทุกสิ่งของจากตลาดได้ และจักรยานยนต์ไฟฟ้า 2 ตอน เรียกว่ารถ socialist am เหมาะสำหรับใช้ในยามมีปัญหาเรื่องโควิค-19 ซึ่งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายมีระยะห่างกัน 50 เซนติเมตร
นายเขมทัต กล่าวอีกว่าซึ่งจะมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง อันนี้คือรถใหม่ที่เราดำเนินการสร้างมา เพื่อที่จะช่วยให้จังหวัดขอนแก่นเป็น smart City ได้ โดย ทางบริษัท เราได้พัฒนาที่จะปรับเปลี่ยนยานยนต์ไปเรื่อยๆ ปกติแล้วเครื่องยนต์อาจจะเก่า แต่ถ้าเอามาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ผู้ซื้อสามารถที่จะจ่ายในราคาที่ถูกกว่ารถใช้น้ำมันได้ ซึ่งทำมาเป็นตัวอย่าง 2 แบบ แบบที่ 1 คือรถจักรยานยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งสามารถที่จะใช้ในชนบทได้ การที่จะขับรถไปเติมน้ำมันนี้อาจจะใช้เวลาและก็นานพอสมควร ถ้าเปลี่ยนเป็นระบบไฟฟ้าได้ ที่สามารถชาร์จไฟในบ้านได้ และมีการใช้จ่ายประหยัดมาก แบบที่ 2 คือแบบที่ใช้งาน แบบที่ใช้ขนของในตลาด ถ้าเราเปลี่ยนเป็นแบบมอเตอร์ไฟฟ้าได้ที่ใช้ในตลาด โดยที่ไม่มีมลภาวะเป็นพิษ ไม่ต้องมีควันที่เป็นพิษ แบบนี้ทำได้ในราคาที่ประหยัดมาก ซึ่งตอนนี้เราก็มีผู้ค้าส่งที่เป็นตัวแทนมารับจากบริษัทเราไปจำหน่ายคือ บริษัท โตเกียว มอเตอร์จำกัด ที่เป็นลูกค้าเราในขณะนี้ และจริงๆเราก็อยากทำให้โรงเรียนอาชีวะต่างๆ เพราะก็เคยไปคุยกับวิทยาลัยการอาชีพกระนวน มาสอนเด็กที่จะให้เขาได้เรียนรู้ในการซ่อมแซม รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อจะ ได้ขยายงาน ก็เป็นเรื่องที่อยากจะทำให้จังหวัดขอนแก่นเป็น smart City ต่อไป
นายสมศักดิ์ จังตระกุล
ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าจังหวัดขอนแก่นเป็นเมืองขนาดใหญ่และเป็นเมืองศูนย์กลางด้านต่างๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจจากภาคบริหาร เป็นสำคัญ
เมื่อผนวกกับวิสัยทัศน์ของภาครัฐและภาคเอกชนในยุค Thailand 4.0 ที่ต้องการพัฒนาเมืองขอนแก่นให้มีการบริหารจัดการในรูปแบบของความเป็นเมืองสร้างสรรค์ (Smart City) ซึ่งเน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรของเมือง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกๆด้าน โดยการมีส่วนร่วมของภาครัฐในการขับเคลื่อนด้านต่างๆ และภาคเอกชนร่วมขับเคลื่อน เช่น การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ สมาร์ตบัส รถไฟฟ้ารางเบา (LRT) หรือแม้กระทั่ง รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฟฟ้า ก็มีส่วนช่วยประหยัดพลังงาน สนองตอบต่อนโยบายรัฐบาล และเป็นการลดปัญหามลภาวะเป็นพิษ และเป็นการป้องกันอันตรายและผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 ในอนาคตอีกด้วย.
