ผญบ.หินลาด ต.บ้านค้อ ขอนแก่น ควงสาวสะดวกซื้อร้องทุกข์สื่อ หลังรถ จยย.หาย คดีไม่คืบ
สาวสะดวกซื้อ จูงมือผู้ใหญ่บ้าน 2 หมู่บ้านร้องทุกข์ สื่อ หลังรถจักรยานยนต์ ถูกคนร้ายลักทรัพย์หายไปกว่า 3 เดือนได้หลักฐานมัดจากกล้องวงจรปิด เห็นใบหน้าชัดเจน คดีผ่านไปกว่า 3 เดือน ไม่มีวี่แววว่าชุดจับกุม จะจับกุมผู้คนร้ายลักทรัพย์รายนี้ได้
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 19 มิถุนายน 2565 ที่ สถานทำการผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนเรืองหมู่ 18 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น นายเทพพิทักษ์ โสภา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนางสาว เสาวภา แก้วพิลา อายุ29ปี อาชีพพนักงานร้านสะดวกซื้อ ที่อยู่309 ม.17ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมหลักฐานสมุดคู่มือรถจักรยานยนต์ พร้อมด้วยใบการลงบันทึกประจำวัน เข้าพบนายพงษ์ศักดิ์ สงค์นอก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 18 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่ง เป็นเจ้าของสถานที่โดย ทั้งหมดได้ทำการร้องทุกข์ต่อสื่อมวล ต่อกรณีที่รถจักรยานยนต์ได้ถูกทำการลักขโมยไปเป็นเวลากว่า 3 เดือนซึ่งจนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับรถจักรยานยนต์คืน
น.ส.เสาวภา แก้วพิลา
น.ส.เสาวภา แก้วพิลา เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 มีนาคม 2565 เวลา 10:00 น ตนได้จอดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda Wave 110 i หมายเลขทะเบียน 2 กฐ 4918 ขอนแก่น สีดำแดง ราคาประมาณ 47,000 บาท ไว้ที่บริเวณหลังโรงอาหารชายภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่นหลัง จากนั้นตนได้ไปทำงาน ที่ร้านอาหาร จนถึงเวลา 21.00 น.ตนจึงกลับมาที่รถ เพื่อจะกลับที่บ้านพักปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ได้สูญหาย จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามีคนร้ายมาลักรถจักรยานยนต์ไป ตนในฐานะผู้เสียได้รับความเสียหาย จึงเข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับคนร้าย จนถึงคดีที่สิ้นสุดโดยมีพ.ต.ท.พงษ์ระวี อ่อนเฉวียง สารวัตรสอบสวน พนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ เพื่อจะได้ทำการสอบสวนต่อไป
น.ส.เสาวภา กล่าวด้วยว่าจากเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ก็ล่วงมา 3 เดือนกว่าไม่มีวี่แววว่าจะได้รถจักรยานยนต์ที่สูญหายไปของตนนั้นกลับคืนมา ทำให้ตนเองได้รับความทุกข์ยากไม่มีรถขี่ไปทำงาน จึงหมั่นสอบถามไปยังงานพนักงานสอบสวน โดยได้รับคำชี้แนะให้ติดตามไปที่งานสืบสวน ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าได้มีการสืบสวนในเชิงลึกอยู่ ซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้ว โดย หากเจ้าหน้าที่สืบสวนก็ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามรวบรวมหลักฐานจนนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ให้ได้ในต่อไป
น.ส.เสาวภา กล่าวอีกว่าแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของตนที่สูญหายจากการลักขโมยไปทั้งๆที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นรูปใบหน้ารูปพรรณสัณฐานอย่างชัดเจนซึ่งน่าจะจับตัวผู้ก่อเหตุคนร้ายลักทรัพย์รายนี้ได้ไม่ยากนักจึงวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเรื่องติดตามตัวคนร้ายให้ได้ในเร็ววันเพื่อที่ตนเองจะได้มีรถจักรยานยนต์ขับขี่ไปทำงานหาเลี้ยง ชีพต่อไป ซึ่งก็มีหลายๆคนบอกว่าของกลางอาจจะไม่ได้คืนแล้วเพราะอาจจะถูกถอดชิ้นส่วนไปขายเหลือแต่ซาก เพราะเหตุการณ์ผ่านไปตั้ง 3 เดือนแล้ว แต่เป็นอย่างไรตนก็ได้แต่หวังภาวนาว่าจะได้รถจักรยานยนต์ของตน ที่หายไป ซึ่งหาด้วยน้ำพักน้ำแรงนั่นคืนกลับมา จึงเป็นที่มาในการเข้าร้องทุกข์กับสื่อในครั้งนี้.
