จ.ขอนแก่น เอาจริง!ซ้อมแผนเหตุ กราดยิง

จ.ขอนแก่น เอาจริง!ซ้อมแผนเหตุ กราดยิง

เพื่อให้ให้ผู้ปฏิบัติได้รับการฝึกฝนให้มีความพร้อมในสถานการณ์ปัจจุบัน “หนี ซ่อน สู้” หรือ “Run Hide Fight” ซึ่งเป็นหลักสากลที่ FBI ของสหรัฐอเมริกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลายๆ ประเทศ นำมาใช้ แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดจากเหตุกราดยิง หรือคนคลุ้มคลั่งทำร้าย

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 65 เวลา 09.00 น. ที่ บริเวณลานจอดรถชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาขอนแก่นนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานประชุมเตรียมความพร้อมโดยจำลองเหตุคนร้ายก่อเหตุที่ห้างเซนทรัลขอนแก่น ซึ่งงานนี้เป็นการทำงานบูรณาการกันทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ กอ.รมน.จังหวัด ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และฝึกสาธิตการป้องกันเหตุการณ์กราดยิง(ACTIVE SHOOTER) เพื่อแนะนำหลัก “หนี ซ่อน สู้” หรือ “Run Hide Fight” ซึ่งเป็นหลักสากลที่ FBI ของสหรัฐอเมริกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลายๆ ประเทศ นำมาใช้ แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดจากเหตุกราดยิง หรือคนคลุ้มคลั่งทำร้าย โดยมีพล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, พ.อ. สุรพงษ์ ยอดอินทร์ รอง ผอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น (ท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดขอนแก่น ,รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น ผกก.ในสังกัด ภ.จว.ขอนแก่น , น.ส.นิสา ชาภู่พวง ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น. ผู้แทนหน่วยงานราชการ ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น, ผู้แทนมหาวิทยาลัยขอนแก่น, สำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมและประถมศึกษาขอนแก่น, ผู้ประกอบธุรกิจธนาคาร ร้านทอง พนักงานรักษาความปลอดภัย ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซาขอนแก่น และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ และชมการสาธิต

นายไกรสร กองฉลาด

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้ขอให้ทุกหน่วยให้ความสำคัญในเรื่องนี้เพราะเหตุกราดยิงจะยังคงไม่ใช่เหตุสุดท้ายที่เกิดขึ้นที่หนองบัวลำภู กัยการรับมือเหตุกราดยิงในสถานศึกษา พอมีเหตุเกิดที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีการถอดบทเรียนแล้วว่าการลดความสูญเสียได้มากที่สุดคือการให้ความรู้กับเหยื่อ เพราะเหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ถ้าหากเหตุเกิดในโรงเรียนเด็กเล็กต้องทำอย่างไร หากเกิดเหตุในห้างสรรพสินค้าต้องทำอย่างไร ซึ่ง หน่วยงานที่รับผิดชอบ ต้องรู้วิธีการับมือ
ส่วนปัจจัยที่จะทำให้เกิดเหตุการฆาตกรรมหมู่ หรือกราดยิงนั้น (Active shooter) มีสามอย่างคือ 1.ตัวร้ายเอง 2.สภาพสังคมที่กดดันผู้ก่อเหตุจนเกิดความเครียด และ 3.เมื่อเกิดความกดดันมากจึงทำให้เกิดความต้องการตอบโต้แบบเฉียบพลันซึ่งเป็นได้สองลักษณะคือการยิงตัวตายและการฆาตกรรม แต่ถ้าสังคมกดดันจนตัวผู้ก่อเหตุควบคุมตัวเองไม่ได้ก็จะเลือกเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเปราะบาง อย่างเช่นโรงเรียนหรือห้างสรรพสินค้าที่ผู้คนไม่ทันระวังตั้งตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการถอดบทเรียนจากกรณีที่เกิดเหตุจากสหรัฐอเมริกกว่า 280 กรณีนำมาต่อยอดเพื่อให้ความรู้กับประชาชนต่อไปและวันนี้จึงเดินทางมาฝึกซ้อมและให้ความรู้กันที่นี่.