พฤศจิกายน 04, 2025

คกก.สุขภาพแห่งชาติ รับทราบ ‘รายงานนโยบายสาธารณะฯ ปี (six)(eight)’ หนุนรัฐบาล ‘จัดการภัยพิบัติ’

คกก.สุขภาพแห่งชาติ รับทราบ ‘รายงานนโยบายสาธารณะฯ ปี (six)(eight)’ หนุนรัฐบาล ‘จัดการภัยพิบัติ’

คสช. รับทราบรายงานนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพไทย ปี 2568 “การจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติจากธรรมชาติต่อระบบสุขภาพไทย” เตรียมส่งต่อให้ ครม. ใช้เป็นแนวทางการขับเคลื่อนงาน สอดรับคำแถลงนโยบายของรัฐบาล

ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2568 ซึ่งมี นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุม ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ได้มีมติรับทราบและให้ข้อเสนอแนะต่อรายงานนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพไทย ประจำปี 2568 เรื่อง “การจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติจากธรรมชาติต่อระบบสุขภาพไทย” ที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จัดทำขึ้นเป็นแนวทางข้อเสนอต่อหน่วยงาน องค์กร และภาคีที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ดำเนินงานต่อไป
สำหรับรายงานนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพฯ ฉบับนี้ มีข้อเสนอเชิงนโยบาย ได้แก่ 1. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและบริการสุขภาพที่ยืดหยุ่น เช่น เรื่องของการบริการสุขภาพทุกระดับที่พร้อมปรับเพื่อรับมือภัยพิบัติ 2. ด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารความเสี่ยง เช่น แผนที่ความเสี่ยง การสื่อสารความเสี่ยง 3. ด้านกลไกการบริหารจัดการ การกระจายอำนาจ และการบูรณาการ เช่น กลไกความร่วมมือในการดูแลทั้งระยะก่อน ระหว่าง และหลังเกิดภัยพิบัติ 4. ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการภัยพิบัติ เช่น กฎระเบียบการใช้งบประมาณในภาวะฉุกเฉิน 5. ด้านการพัฒนาศักยภาพของชุมชนและพัฒนาความรอบรู้ด้านภัยพิบัติของประชาชนในระยะยาว เช่น ความรู้เรื่องภัยพิบัติ การส่งเสริมบทบาทชุมชน

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการ คสช. เปิดเผยว่า สช. พิจารณาเห็นว่าการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติจากธรรมชาติต่อระบบสุขภาพไทย เป็นเรื่องสำคัญที่ควรเร่งเสนอต่อกลไกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ จึงได้จัดทำเอกสารรายงานฯ เพื่อนำส่งให้หน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประกอบการดำเนินงาน และเป็นบทบาทของ คสช. ตามมาตรา 25 (2) พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่มีหน้าที่และอำนาจในการให้ข้อเสนอแนะหรือให้คำปรึกษาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ พร้อมติดตามผลดังกล่าว

ทั้งนี้ สช. ใช้เกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกประเด็นเพื่อจัดทำรายงานฯ คือเป็นประเด็นที่มีความสอดคล้องตามธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565 เป็นนโยบายที่สังคมหรือรัฐบาลให้ความสนใจ เป็นนโยบายที่มีการขับเคลื่อนร่วมกันหลายภาคส่วน มีผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบาง หรือมีความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่และระดับชาติ ตลอดจนมีการขับเคลื่อนมาแล้วระยะหนึ่ง
“จากการวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า แนวโน้มสถานการณ์การเกิดภัยพิบัติมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น ทั้งภัยธรรมชาติ และภัยที่มาจากน้ำมือมนุษย์ ส่งผลกระทบทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน แม้ปัจจุบันเราจะมีกรอบแนวคิดและแผนระดับชาติด้านการจัดการภัยพิบัติอยู่มากมาย แต่การปฏิบัติจริงยังเน้นการกำหนดมาตรการเชิงรับ มากกว่าเชิงป้องกันและเตรียมความพร้อม” เลขาธิการ คสช. กล่าว
นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาระเบียบวาระเรื่อง “ระบบบริหารจัดการเพื่อสุขภาวะในวิกฤตซ้อนวิกฤต” ที่อยู่ระหว่างพัฒนาเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 ที่จะมีการจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ด้วย

นายไมตรี จงไกรจักร์ กรรมการ คสช. กล่าวว่า การจัดการภัยพิบัติ เป็นหนึ่งในประเด็นที่รัฐบาลโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาซึ่งแม้จะมีแนวปฏิบัติอยู่บ้าง แต่รายงานการศึกษาที่ คสช. ร่วมกันรับทราบในครั้งนี้ ถือเป็นแนวนโยบายที่จะสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้เร่งรัดให้ประธาน คสช. นำข้อเสนอนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเร็ว เพื่อให้ตอบสนองต่อนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภา ซึ่งทางคณะทำงานก็พร้อมที่จะช่วยให้เกิดการนำนโยบายไปปฏิบัติการให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อไป
วันเดียวกัน ที่ประชุม คสช. ยังได้มีมติรับทราบและให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ได้สรุปภาพรวมตั้งแต่ปี 2551-2567 พบว่ามีมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งสิ้น 98 มติ แบ่งเป็น กลุ่มมติที่มีการดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมายสำคัญของมติแล้ว (A: Achieved) 37 มติ, กลุ่มมติที่กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง (O: On-going) จำนวน 42 มติ, กลุ่มมติที่เห็นควรที่จะต้องนำมาทบทวนใหม่ (R: To be revisited) จำนวน 8 มติ, กลุ่มมติที่เห็นควรให้ยุติ เนื่องจากมีมติใหม่ครอบคลุมมติเดิม และไม่สอดคล้องกับบริบทในปัจจุบัน (E: End-up) จำนวน 3 มติ และ กลุ่มมติที่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนและต้องหากลไกเพื่อขับเคลื่อน (M: To find Key Mechanism) จำนวน 8มติ

ด้าน ศ.คลินิก สุพรรณ ศรีธรรมมา รองประธานกรรมการ คมส. กล่าวว่า มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่มีการขับเคลื่อนเกิดผลเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น มติ 4.1 ความปลอดภัยทางอาหาร: การจัดการน้ำมันทอดซ้ำเสื่อมสภาพ ทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศเพื่อควบคุมอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ, มติ 6.1 นโยบายการตรวจสุขภาพที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับประชาชน กรมการแพทย์ได้กำหนดเป็นนโยบายและแนวทางสำหรับประชาชนตามกลุ่มต่างๆ, มติ 8.5 วิกฤติการณ์เชื้อแบคทีเรียดื้อยาและการจัดการปัญหาแบบบูรณาการ (AMR) ทาง อย. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการแห่งชาติด้านการดื้อยาต้านจุลชีพ พ.ศ. 2566 – 2570, มติ 10.4 การจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนแบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน เกิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 รวมถึงกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้จังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัด เป็นต้น
นอกจากนี้ ปัจจุบันทาง สช. ยังได้มีการจัดทำระบบฐานข้อมูลเป็นแดชบอร์ด เพื่อรายงานความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติประเด็นต่างๆ โดยประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง https://infocenter.nationalhealth.or.th/nha-dashboard/

About The Author

Related posts

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *