สถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี เตือนประชาชนงดกิน “ปลาน้ำจืดดิบ” แม้ตรวจไม่พบเชื้อ ป้องกันติดซ้ำเสี่ยงมะเร็งท่อน้ำดี


ผอ.สถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มข. ชี้ผลตรวจ OV-ATK เป็นลบไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย ย้ำหากยังคงบริโภคปลาดิบเสี่ยงติดพยาธิใบไม้ตับซ้ำ เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งท่อน้ำดีในอนาคต แนะอายุ 15 ปีขึ้นไปตรวจคัดกรองฟรีปีละครั้ง
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 รศ.ดร.วัชรินทร์ ลอยลม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเลขาธิการมูลนิธิมะเร็งท่อน้ำดี เปิดเผยว่า จากการตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับด้วยชุดตรวจแบบรวดเร็ว (OV-ATK) พบว่าประชาชนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าหากผลตรวจ “ไม่พบเชื้อ” หรือแม้ได้รับยาถ่ายพยาธิแล้วจะปลอดภัยจากการติดเชื้อในอนาคต แต่ในความเป็นจริง หากยังคงบริโภค “ปลาน้ำจืดดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ” เช่น ลาบปลา ก้อยปลา ปลาส้ม หรือปลาร้าที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน ก็สามารถติดเชื้อซ้ำได้อย่างรวดเร็ว
การติดเชื้อซ้ำหลายครั้งทำให้ท่อน้ำดีเกิดการอักเสบเรื้อรัง เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ “มะเร็งท่อน้ำดี” ซึ่งพบมากในพื้นที่ภาคอีสาน โดยข้อมูลระบุว่าร้อยละ 70–80 ของผู้ป่วยมะเร็งตับในภาคอีสานเป็นมะเร็งท่อน้ำดี สะท้อนว่าพยาธิใบไม้ตับยังคงแพร่ระบาดอยู่ในวงกว้าง ขณะที่องค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่า พยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี
รศ.ดร.วัชรินทร์ ระบุว่า แม้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ แต่การอักเสบสะสมในท่อน้ำดีสามารถพัฒนาไปสู่มะเร็งได้ และผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรง เช่น ตัวเหลือง ปวดท้องเรื้อรัง หรือน้ำหนักลด ซึ่งเป็นระยะท้ายของโรคและยากต่อการรักษา
การตรวจด้วย OV-ATK ผ่านปัสสาวะมีความแม่นยำสูงและรู้ผลภายใน 5–10 นาที จากการตรวจในภาคอีสานพบอัตราการติดเชื้อสูงถึงร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 คน จึงจำเป็นต้องเร่งคัดกรองให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ เปิดให้ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงเข้ารับการตรวจปีละครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ รศ.ดร.วัชรินทร์ ย้ำว่าผู้ที่ตรวจไม่พบเชื้อหรือได้รับยาถ่ายพยาธิแล้ว ต้องงดกินปลาน้ำจืดดิบทุกรูปแบบ หลีกเลี่ยงปลาส้ม–ปลาร้าที่หมักสั้นหรือไม่ได้มาตรฐาน ตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ตับเป็นประจำ และผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจอัลตร้าซาวด์ท่อน้ำดีปีละครั้ง เพื่อค้นหาความผิดปกติแต่เนิ่น ๆ
พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งด้านการคัดกรอง การรักษา การให้ความรู้ และการจัดการอาหารเสี่ยงต้นทาง รวมถึงการผลิตอาหารหมักอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อลดการปนเปื้อนและป้องกันไม่ให้พยาธิกลับเข้าสู่แหล่งน้ำ
“การรู้เร็ว รักษาเร็ว และไม่กลับไปกินปลาน้ำจืดดิบ คือกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงจากพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี” ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี กล่าวทิ้งท้าย.


