ธันวาคม 30, 2025

Breaking News

ธรรมนูญสุขภาพฉบับแรกเพื่อ ‘ชาวสีรุ้ง’หนุนเสริมระเบิดพลัง ‘Pride Economy’ลดอคติแห่งเพศ-สร้างเศรษฐกิจไทย

ธรรมนูญสุขภาพฉบับแรกเพื่อ ‘ชาวสีรุ้ง’หนุนเสริมระเบิดพลัง ‘Pride Economy’ลดอคติแห่งเพศ-สร้างเศรษฐกิจไทย

สมัชชาสุขภาพฯ ครั้งที่ 18 เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ธรรมนูญสุขภาวะคนข้ามเพศฉบับแรกของไทย ที่ให้ความสำคัญด้านร่างกาย-สังคม-จิตวิญญาณ ครอบคลุม ทอม กะเทย สาวประเภทสอง บุคคล non-binary Intersex และรวมถึงอัตลักษณ์อื่นๆ ยกระดับการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ-ระบบสวัสดิการ-การศึกษาที่ครอบคลุมอัตลักษณ์ทางเพศ-การเข้าถึงบริการสาธารณสุข-การมีงานทำและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดสำคัญว่าคนข้ามเพศไม่เพียงแต่เป็นผู้รับนโยบายจากรัฐ แต่ยังเป็นผู้เล่นสำคัญในระบบเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศ

เวทีรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ธรรมนูญสุขภาวะคนข้ามเพศ ที่จัดขึ้นในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์ ระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ในประเด็นหลัก “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” (New Wealth for Health) มีผู้แทนจากองค์กรภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคมผู้สนับสนุนและขับเคลื่อนงานด้านสิทธิของคนข้ามเพศ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

รตี แต้สมบัติ ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (ThaiTGA) กล่าวว่า (ร่าง) ธรรมนูญสุขภาวะคนข้ามเพศ ถือเป็นธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับคนข้ามเพศทั้งในมิติด้านร่างกาย ด้านสังคม และด้านจิตวิญญาณ โดยเชื่อมโยงความหมายของคนข้ามเพศที่ครอบคลุมถึงผู้หญิงข้ามเพศ ผู้ชายข้ามเพศ ทอม กะเทย สาวประเภทสอง บุคคล non-binary และ Intersex รวมถึงอัตลักษณ์อื่นๆ ธรรมนูญสุขภาพฯ ฉบับนี้จะเป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อสร้างอำนาจภายในให้กับชุมชนคนข้ามเพศ
อีกทั้ง ภาคประชาสังคมสามารถใช้เป็นกรอบการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนข้ามเพศ รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่จะใช้ธรรมนูญสุขภาพฯ ฉบับนี้เป็นฐานคิดในเชิงนโยบายเพื่อออกแบบระบบบริการสุขภาพ สวัสดิการ กฎหมายที่ครอบคลุมและไม่เลือกปฏิบัติต่อคนข้ามเพศ รวมถึงจะเป็นเครื่องมือในการย้ำเตือนว่าทุกภาคส่วนควรจะสร้างวัฒนธรรมการเคารพความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน
“เนื้อหาภายในธรรมนูญจะแบ่งออกเป็น 5 หมวดหลัก แต่ที่จะเน้นและเป็นหัวใจสำคัญเพื่อให้เกิดการรับฟังความคิดเห็นกันในวันนี้ คือหมวดที่ 3 ซึ่งว่าด้วยเป้าหมาย และแนวปฏิบัติ ซึ่งแบ่งรายละเอียดออกเป็น 5 หัวข้อสำคัญ ได้แก่ การรับรองอัตลักษณ์ทางเพศ ระบบสวัสดิการในสังคม การศึกษาที่ครอบคลุมอัตลักษณ์ทางเพศ การแสดงออกทางเพศ และคุณลักษณะทางเพศ การเข้าถึงบริการสาธารณสุข รวมถึงการมีงานทำและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีตัวแทนมานำเสนอรายละเอียดในแต่ละหัวข้อ” คุณรตี กล่าว

คุณรตี กล่าวต่อไปด้วยว่า สำหรับการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศจะต้องขับเคลื่อนให้เกิด พ.ร.บ.รับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ การแสดงออกทางเพศสภาพ และคุณลักษณะทางเพศสภาพ พ.ศ. … โดยต้องมีการติดตามประเมินผลการบังคับใช้เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ไปแล้ว รวมถึงการรณรงค์ให้ความรู้เรื่องสิทธิในกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการศึกษา ทบทวน และวางแผนแก้ไขให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
กฤติมา สมิทธิ์พล เจ้าหน้าที่หน่วยวิจัยเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สำหรับประเด็นการเข้าถึงบริการสาธารณสุขสำหรับคนข้ามเพศ จะมีอยู่ 2 กรณี คือการเข้าถึงบริการสุขภาพทั่วไป และการเข้าถึงเพื่อการยืนยันเพศภาพ ซึ่งที่ผ่านมามักเกิดสถานการณ์การตีตราและเลือกปฏิบัติขึ้นในสถานพยาบาล เพราะยังขาดนโยบายและข้อปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งเป้าประสงค์ของธรรมสุขภาพฯ ในหัวข้อนี้ ต้องการที่จะให้ยุติการตีตราและเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศในสถานพยาบาล ควรมีการส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพเพื่อการยืนยันเพศภาพผ่านการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ด้านการบริการสุขภาพเพื่อการยืนยันเพศอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ควรจะต้องพัฒนาองค์ความรู้เรื่องสุขภาพของคนข้ามเพศและเพศหลากหลาย รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมในการออกแบบนโยบายสุขภาพที่เกี่ยวข้องและการติดตามการนำนโยบายไปใช้ในเชิงปฏิบัติ โดยต้องสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนและรัฐ รวมถึงความร่วมมือในระดับนานาชาติ

ณัฐินีฐิติ ภิญญาปิญชาน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ทรานส์ทาเลนท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันร้อยละ 77 ของคนข้ามเพศในไทยไม่ได้รับการถูกจ้างงาน และได้รับการเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน อีกทั้งสิทธิต่างๆ ยังถูกจำกัดกรอบอยู่แค่เรื่องสิทธิในการทำงานแต่ยังไปไม่ถึงเรื่องสิทธิในการเป็นเจ้าของทุน เพราะยังไม่มีระบบสนับสนุนผู้ประกอบการข้ามเพศในนิเวศสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ ในเชิงข้อเท็จจริงแล้วคนข้ามเพศไม่เพียงแต่เป็นผู้รอรับสิทธิหรือสวัสดิการต่างๆ แต่ยังเป็นกำลังสำคัญในการสร้างพลังทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประเทศด้วย
“หนึ่งโปรเจกต์ที่สำคัญของ บริษัท ทรานส์ทาเลนท์ กรุ๊ป คือโครงการศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการจัดงาน World Pride ในประเทศไทย ซึ่งต้องทำงานผ่านงานวิจัยเชิงข้อมูลทั้งในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ เป็นจำนวนมาก และมาวางโครงสร้างเศรษฐกิจเรื่อง Pride Economy ให้กับประเทศนี้ ทำให้มีโอกาสเห็นข้อมูลที่สำคัญว่าหากมีการเปรียบประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีอเมริกาเป็นอันดับ 1 และจีนเป็นอันดับ 2 เชื่อหรือไม่ว่ามีข้อมูลที่ประมาณการกันว่าหาก รวม LGBTQ+ เทียบเป็นประเทศ เราจะถือเป็นประเทศอันดับที่ 3 ที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก หรือคิดเป็น GDP ประมาณ 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่าเราไม่ได้เป็นแค่คนที่ใช้จ่ายเท่านั้น แต่เป็นคนที่สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศด้วย” คุณณัฐินีฐิติ กล่าว

ด้วยเหตุนี้ แนวคิดและวิธีการทำงานของธรรมนูญสุขภาพฯ ฉบับนี้จะไม่ได้มองว่าคนข้ามเพศเป็นเพียงผู้รับผลกระทบและต้องได้รับผลประโยชน์จากภาครัฐเท่านั้น แต่ชุมชนคนข้ามเพศกำลังจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจใหม่ หรือ Pride Economy ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนในคนข้ามเพศ ซึ่งก็คือการลงทุนในมนุษย์เพื่อนำไปสู่การสร้างพลังทางเศรษฐกิจ จะต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาระบบคิดใหม่ว่าคนข้ามเพศไม่ใช่แค่ผู้รับแต่ยังเป็นผู้เล่นในระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนี้จะต้องมีการพัฒนาเครื่องมือวัดผลและมาตรฐานความครอบคลุมคนข้ามเพศในที่ทำงาน มีการจัดตั้งและเสริมกลไกหนุนเสริมทางเศรษฐกิจคนข้ามเพศผ่านกองทุนเสริมพลังเศรษฐกิจคนข้ามเพศ อีกทั้งควรขยายโอกาสการจ้างงานและรายได้อย่างไม่เลือกปฏิบัติ มีการยกระดับความรู้การเงิน และการเสริมสร้างการเป็นเจ้าของกิจการ รวมถึงการเข้าถึงทุนของผู้ประกอบการคนข้ามเพศ

ดร.โกสุม โอมพรนุวัฒน์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท สาขาวิชาสตรีเพศสถานะ และเพศวิถีศึกษา วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า สำหรับหัวข้อการสร้างสวัสดิการในสังคมที่ครอบคลุมความหลากหลายทางเพศ มีเป้าประสงค์หลักที่จะพัฒนากองทุนสนับสนุนอาชีพและรายได้สำหรับคนข้ามเพศ มีการพัฒนาระบบบ้านพักสำหรับคนข้ามเพศสูงวัย รวมถึงพัฒนากฎหมายและนโยบายการรับบุตรบุญธรรม ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในคนข้ามเพศ ไปจนกระทั่งการพัฒนาแนวปฏิบัติเรื่องที่พักสำหรับคนข้ามเพศในเรือนจำสถานพินิจและบ้านพักฉุกเฉิน
มากไปกว่านั้น จะต้องพัฒนานโยบายระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับคนข้ามเพศ มีระบบการรับเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิที่เข้าถึงง่าย ปลอดภัย และเป็นมิตร รวมทั้งมีนโยบายผ้าอนามัยฟรีสำหรับคนข้ามเพศที่มีประจำเดือน และสุดท้าย คือการพัฒนานโยบายห้องน้ำสาธารณะที่ปลอดภัยสำหรับคนข้ามเพศ ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าการสร้างสวัสดิการที่ครอบคลุมความหลากหลายทางเพศจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างในระยะยาวได้
ณฐกมล ศิวะศิลป เจ้าหน้าที่องค์กร Thai intersex Rights กล่าวว่า สำหรับหัวข้อการศึกษาที่ครอบคลุมอัตลักษณ์ทางเพศ การแสดงออกทางเพศ และคุณลักษณะทางเพศ (SOGIESC) เพื่อให้ประเด็นดังกล่าวเกิดความสำเร็จเป็นรูปธรรมจะต้องเริ่มต้นจากการพัฒนาการเรียนการสอนเรื่องคนข้ามเพศและเพศหลากหลายในห้องเรียน โดยส่งเสริมให้ครู บุคลากร ผู้บริหารสถานศึกษามีความรู้และมีทัศนคติเชิงบวกต่อคนข้ามเพศและเพศหลากหลาย
อีกทั้ง ต้องทำให้เกิดการพัฒนานโยบายหรือแนวปฏิบัติเพื่อสร้างให้โรงเรียน สถานศึกษามีความเป็นมิตรต่อเด็กและเยาวชนข้ามเพศและเพศหลากหลาย เช่น การออกรูปแบบ หรือกิจกรรมในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ มากไปกว่านั้นต้องมีระบบการส่งต่อเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตที่เป็นมิตรและมีความละเอียดอ่อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างโรงเรียนที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัย เกิดการเคารพในศักดิ์ศรีและทำให้ทุกคนเติบโตได้อย่างเป็นตัวเอง
////////////////

About The Author

Related posts

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *