



“สภาวัฒนธรรม จ.ขอนแก่น” เดินหน้าบูรณาการกิจกรรม ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมร่วมขับเคลื่อนงานใหญ่ของจังหวัด
สภาวัฒนธรรมจังหวัดมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน และประชาชน ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2553 โดยเฉพาะในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 รวม 12 วัน ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) นายประจวบ รักแพทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงาน “เทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2568” โดยมี ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น คณะกรรมการ ที่ปรึกษา รวมถึงสภาวัฒนธรรมอำเภอทั้ง 26 อำเภอ เข้าร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียง
ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานภายใต้โครงการเสริมสร้างสมรรถนะการบริหารจัดการสภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ประจำปีงบประมาณ 2568 เพื่อให้การดำเนินงานมีความมั่นคง ยั่งยืน และสามารถขับเคลื่อนภารกิจด้านวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สภาวัฒนธรรมจังหวัดมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานราชการ องค์กรเอกชน และประชาชน ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2553 โดยเฉพาะในงานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว และงานกาชาดจังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 รวม 12 วัน ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
สำหรับปีนี้ สภาวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่นได้จัดเตรียมกิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนบรรยากาศของงานให้มีความเข้มข้น และสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นอีสานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น อาทิ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน นิทรรศการองค์ความรู้ด้านผ้าไหม และกิจกรรมร่วมสมัยที่เชื่อมโยงวิถีชุมชน
ด้านนายประจวบ รักแพทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จังหวัดขอนแก่นพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสภาวัฒนธรรมอย่างเต็มที่ เนื่องจากงานเทศกาลไหมฯ ถือเป็นงานใหญ่ระดับนานาชาติที่สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ และเป็นเวทีส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเพื่อให้งานปีนี้สมบูรณ์ที่สุดและสร้างความประทับใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและต่างประเทศ.









