ธปท.สภอ.แถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไตรมาส 2/2568
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถลงข่าวสรุปใจความสำคัญ ดังนี้ ภาพรวมทั้งปี 2568 เศรษฐกิจอีสานคาดว่าจะเติบโตเพียง 0.5% ถึง 1.5% ปรับลดลงจากคาดการณ์ในครั้งก่อน รายได้ของเกษตรกรลดลงต่อเนื่องถึง 32 เดือน
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่ ห้องปัญญาวิจิตร ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดร.ทรงธรรม ปิ่นโต ผู้อำนวยการอาวุโส แบงก์ชาติอีสาน แถลงข่าวสรุปใจความสำคัญ ดังนี้ ภาพรวมทั้งปี 2568 เศรษฐกิจอีสานคาดว่าจะเติบโตเพียง 0.5% ถึง 1.5% ปรับลดลงจากคาดการณ์ในครั้งก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำ กระจุกอยู่ในบางภาคเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก การลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว อีกทั้ง ยังกระจายไม่ทั่วถึงคนส่วนใหญ่
โดยล่าสุดในไตรมาส 2 ปี 2568 นี้ เห็นเสียงสะท้อนเพิ่มขึ้นจากประชาชนในพื้นที่ ถึงความลำบากในการค้าขาย การใช้จ่ายที่ซบเซา และปัญหาหนี้เรื้อรัง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่อเนื่องถึง 32 เดือน โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อย ขณะเดียวกัน รายได้ของเกษตรกรลดลง ตามราคายางพารา มันสำปะหลัง และอ้อย ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ภาคเศรษฐกิจบางส่วนยังเติบโตได้ อาทิ การส่งออกที่เร่งตัวก่อนถูกเก็บภาษีจากสหรัฐฯ การลงทุนภาครัฐที่เบิกจ่ายได้ดีต่อเนื่อง รวมถึงการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่การเติบโตเหล่านี้ยังไม่กระจายไปถึงประชาชนส่วนใหญ่ เศรษฐกิจจึงเปรียบเสมือน
“น้ำตกเป็นชั้น ๆ” ที่ยังไม่ไหลลงถึงรากหญ้า นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ และ ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายแดน ทั้งนี้ แบงก์ชาติกำชับให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามความเหมาะสมโดยเร่งด่วน ภายใต้แนวทางที่แบงก์ชาติกำหนดไว้.