วันศุกร์, 18 ตุลาคม, 2024

HeaderAD
HeaderAD
HeaderAD
“สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด”จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 ปี 2567

“สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด”จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 ปี 2567

HeaderAD
HeaderAD
HeaderAD

 “สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด”จัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 2 ปี 2567

“ปธ.สหกรณ์ฯครูขอนแก่น” ยันคดีอาญา”เอกราช”  อัยการ ศาล ยังไม่ยกฟ้องตามที่เจ้าตัวอ้าง

ในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาจำเลย กลับคำให้การในคดีอาญา ให้เหลือแต่คดีแพ่ง แต่ศาลไม่อนุญาต แต่ต้องรับในคดีอาญา ในคดีแพ่งต่อไปนี่คือประเด็นที่มีผู้ที่ถามมา ในประเด็นที่ 2 ในเรื่องของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด จากข้อมูลและข้อเท็จจริงของสหกรณ์ฯ ในการที่จะอนุมัติของการจัดซื้อที่ดิน ในการอนุมัติ เรื่องต่างๆต้องมีการจัดทำแผนงาน แผนงานและงบประมาณนั้น คณะกรรมการจะเป็นคนเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ สมมุติว่าจะซื้อที่ดินที่กล่าวถึงนั้น ต้องมีแผนงานของการซื้อที่ดินพื้นนั้น


เมื่อเวลา 09.00 น .วันที่ 12 ตุลาคม 2567 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น( kice) นายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด เป็นประธานในการประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 2 ปี 2567 ด้วย คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด เห็นควรให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญพิจรารณาผลกระทบจากคำพิพากษาศาลฎีกากรณีจ่ายคืนดอกเบี้ยกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือครอบครัวสมาชิก (ก.ส.ส.1-6, กสช. 1-3 เดิม) และแนวทางแก้ไขในอนาคต ในการประชุมใหญ่วิสามัญ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 และกำหนดวงเงินกู้ยืมหรือการค้ำประกันขอสหกรณ์ ประจำปี 2567 (เพิ่มเติม) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด 


โดยก่อนที่จะเข้าประชุม นายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์  ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ กับสื่อมวลชน กรณีที่ เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 10 ต.ค.2567 ที่บ้านพักส่วนตัว ในเขต อ.เมืองขอนแก่น นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า  อัยการได้สั่งยกฟ้องในคดีอาญาแล้ว เหลือเพียงคดีแพ่ง ที่ ได้ยึดที่ดินจำนวน 6 ไร่กว่า ที่บริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่น ซึ่งผมยินยอมและต้องการให้ขายทอดตลาดซึ่งราคาประเมินกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งหากขายได้ก็จะสามารถนำเงินมาจ่ายเงินให้กับสหกรณ์ได้  เกี่ยวกับเรื่องนี้ ความจริงมันเป็นอย่างไร

 

นายอนุศาสตร์  สอนศิลพงศ์
    นายอนุศาสตร์  สอนศิลพงศ์ ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด กล่าวว่า ในกรณีที่ศาลอาญา ซึ่งในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาจำเลย กลับคำให้การในคดีอาญา ให้เหลือแต่คดีแพ่ง แต่ศาลไม่อนุญาต แต่ต้องรับในคดีอาญา ในคดีแพ่งต่อไปนี่คือประเด็นที่มีผู้ที่ถามมา ในประเด็นที่ 2 ในเรื่องของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด จากข้อมูลและข้อเท็จจริงของสหกรณ์ฯ ในการที่จะอนุมัติของการจัดซื้อที่ดิน ในการอนุมัติ เรื่องต่างๆต้องมีการจัดทำแผนงาน แผนงานและงบประมาณนั้น คณะกรรมการจะเป็นคนเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ สมมุติว่าจะซื้อที่ดินที่กล่าวถึงนั้น ต้องมีแผนงานของการซื้อที่ดินพื้นนั้น ที่ประชุมใหญ่มีมติให้ซื้อ ถึงจะซื้อได้ แต่จากดูข้อมูลของสหกรณ์ ในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 54 ในรายงานประจำปี ไม่มีแผนงานงบประมาณในเรื่องนี้ เรื่องการซื้อที่ดินประกอบกับการอนุมัติเบิกจ่ายเงินทุกบาท ทุกสตางค์ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ เพราะฉะนั้นการเบิกเงิน 396 ล้านบาท
ที่บอกว่าจะเอามาแก้ปัญหาตั้งค่าเผื่อที่จะศูนย์กรณีขายลอตเตอรี่ ไม่สามารถที่จะเป็นตัวชี้ขาดได้ว่ามติที่ประชุม การเบิกจ่ายเงินก็ไม่มี มติในที่ประชุมใหญ่แผนงานก็ไม่มี เพราะฉะนั้นจะพูดตามข้อเท็จจริง ที่สหกรณ์ ฯตนมาในช่วงประธานสหกรณ์ครูก็มาเจอ ข้อมูลและหลักฐาน ที่เป็นข้อเท็จจริง ดังนี้ เพราะฉะนั้นสหกรณ์ก็ดำเนินการตามกระบวนการ ก็ถ้าไม่มีมติ ก็เป็นการยักยอกทรัพย์เงินของสหกรณ์ฯเพราะกรรมการไม่มีมติในที่ประชุม


ดังนั้นตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการแถลงข่าววันนั้น แต่เพียงว่าเราพูดข้อเท็จจริงของสหกรณ์ฯ เพราะฉะนั้นในการเบิกจ่ายทุกบาททุกสตางค์ ขอย้ำว่า เงินของสหกรณ์ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่และกรรมการจะเบิกจ่ายได้ สหกรณ์ต้องได้รับมติจากที่ประชุมใหญ่เท่านั้น ดังนั้นเงินที่หายไปนั้นไม่มีมติจากคณะกรรมการ ไม่มีในที่ประชุมใหญ่ให้ไปซื้อที่ดิน เพราะฉะนั้นต้องกราบเรียนทางสื่อมวลชน นี่คือข้อเท็จจริงตามกฎหมายและข้อบังคับของสหกรณ์
  ในกระบวนการพิจารณาของศาล รายงานของศาลในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 นั้น เขียนกำหนดเอาไว้ว่าให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เป็นประจำทุกปีปีละไม่ต่ำกว่า 50 ล้าน ตั้งแต่ปี 65 ,66 ,67 ,68 และ ปี 69 แต่ถ้าผิดชำระงวดใดงวดหนึ่ง ให้ถือว่าผิดชำระหนี้ทั้งหมด นี่คือกระบวนศาลที่การเขียนเอาไว้ เพราะฉะนั้นก็แสดงว่าเหตุที่เกิดขึ้น นายเอกราชไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล ปี 65 มาให้ 50 ล้านบาท แต่ปี 66 มาให้ 10 ล้านบาท ก็แสดงว่าผิดเงื่อนไข และก็ได้มีกระบวนการเกิดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2567


ที่ผ่านมา จึงให้จำเลยชำระในเงื่อนไขเพิ่มเติม เป็น 100 ล้านบาทหรือหลักทรัพย์ 130 ล้านบาท ให้เสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 พอ 31 กรกฎาคม 67 ไม่มาอีก ในเมื่อไม่มาอีกศาลก็นัดต่อ ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา จึงเป็นที่มาที่ไปในการที่จะดำเนินการในคดีอาญาในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นี้ เราไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น แต่สหกรณ์เราต้องการทรัพย์คืนเท่านั้นเอง แต่ว่าคุณต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล นี่คือสิ่งที่เราต้องการ ก็เรียนพี่น้องมวลสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นจำกัดไม่ต้องกังวล และวิตกอะไรทั้งสิ้น

 

นายทนงศักดิ์ วังสงค์
ด้าน นายทนงศักดิ์ วังสงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น  กล่าวว่า ในส่วนที่เงินที่หายไป ประเด็นที่ 1 คือว่าเราได้ดำเนินการตามที่ท่านประธานได้ชี้แจงให้พี่น้องสื่อมวลชนได้รับทราบไปแล้วก็คือ 1.คดีแพ่ง 2.คดีอาญา คดีแพ่งก็คือจำหน่ายคดีไว้ก่อน และเรามาดูที่คดีอาญาที่เป็นคดีฉ้อโกงที่จะมีการชำระให้เราครบทั้งต้นและดอกเบี้ย เป็นจำนวนเงิน 431 ล้านบาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
แต่ทางนี้ในเรื่องของคดีอาญาตรงนี้ ก็ถือว่าการพิจารณาของศาล เสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรเราก็ได้เงินมาแล้วส่วนหนึ่ง จำนวน 100 ล้านบาท แต่ในอีกส่วนคดีแพ่งที่รอขึ้นศาลอยู่ ก็รอในการพิจารณาของคดีอาญาให้เสร็จสิ้นก่อน ถ้าเรายังไม่ได้เงินคืนกลับสู่สหกรณ์ทั้งหมดเราก็จะ เอาขบวนการแพ่งขึ้นไปต่อสู้อีก และในอีกส่วนหนึ่งก็คือหลักทรัพย์ที่นายเอกราชได้จดจำนอง เกี่ยวกับเงินสดขาดบัญชี ถึงแม้จะเป็นการประเมินโดยบริษัทเอกชน แต่ราคาประเมินจำนวน 439 ล้านบาท ที่ดินก็ประมาณ 300 กว่าไร่ มีอยู่ 3 จังหวัด ที่จำนองเป็นประกันกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเอาไว้ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ครบเราต้องบังคับจำนองในส่วนตรงนี้ ซึ่งเราจะบังคับจำนองหรือขายทอดตามตลาด อาจจะได้เงินส่วนนี้มาแต่ก็คิดว่าคงไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท ในที่ดินตรงนี้ และอีกส่วนหนึ่งในที่ดิน ป.ป.ง. ซึ่งเราไปคุ้มครองสิทธิ์ ซึ่งคดีนี้ก็ตัดสินไปแล้ว และนายเอกราชก็ไม่ได้ต่อสู้ ไม่ได้อุทธรณ์

   ตอนนี้อยู่ระหว่าง ป.ป.ง.ขายทรัพย์ขายทอดตลาด แต่ที่นี้ทาง ป.ป.ง.ก็ได้ยื่นหนังสือมาหา ผู้ที่อยู่ในมูลเหตุในกรณี ในกรณีที่ฟอกเงิน เราก็ไปคุ้มครองสิทธิ์ในส่วนตรงนั้น คุ้มครองสิทธิ์ไป 405 ล้านบาท เพราะฉะนั้นในส่วนทรัพย์ที่ ป.ป.ง.ยึดไป และก็ขายได้ ถ้าขายได้มากกว่า 405 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะส่งคืนแผ่นดิน และส่วนที่เราไปคุ้มครองสิทธิ์อยู่ ก็ประมาณ 405 ล้านบาท ถ้าเกิดว่าขายได้ไม่ถึง อาจจะขายได้สัก 300 ล้านบาท ก็ต้องส่งมาให้เรา เพราะฉะนั้นในคู่ที่คุ้มครองสิทธิ์ มีจำนวน 3 เจ้า เราเป็นเจ้าแรกและมีอีก 2 บริษัท ซึ่งที่ดินตรงนี้ติดจำนองกับ 2 บริษัทนี้ แต่ไม่มาก ทราบว่า จะมีแค่ 2 ล้านบาทแค่นี้ เพราะฉะนั้น ในส่วนที่ ป.ป.ง.ขายทรัพย์ ภายในปีนี้แหละจะเริ่มขาย ปีนี้ในเดือนนี้ขาย 2 ครั้ง ซึ่งก็กำลังติดตามอยู่ เพราะฉะนั้นปี 68 ก็น่าจะเสร็จสิ้นในส่วนนี้ ถ้าหากว่ามีผู้เช่าซื้อ ถ้าซื้อได้เราก็จะได้เงินในส่วนนั้นเข้ามาที่สหกรณ์ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นแนวทางหนึ่ง ที่เราหวังว่าเงินทั้งหมดที่จะได้คืนในส่วนนี้ ที่เราเสียหายไป 431 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นี้ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีอาญา.

3bb-ad
3bb-ad

About The Author

Related posts

HeaderAD
HeaderAD
HeaderAD