วันศุกร์ 24 ตุลาคม 2025

สสว. เปิด 3 โครงการยกระดับ SME ชูมาตรฐานไทยสู่มาตรฐานโลก

สสว. เปิด 3 โครงการยกระดับ SME ชูมาตรฐานไทยสู่มาตรฐานโลก

สสว. เปิด 3 โครงการยกระดับ SME ชูมาตรฐานไทยสู่มาตรฐานโลก


สสว. จับมือ ISMEDสถาบันอาหาร และ ม.เชียงใหม่ เดินหน้า 3 โครงการ ได้แก่ โครงการประชารัฐเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน และ SMEsก้าวสู่ตลาด 4.0 โครงการยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และโครงการยกระดับชุมชนต้นแบบที่มีศักยภาพก้าวสู่ SMEs ตั้งเป้าเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ SME Standardization มาตรฐานไทยสู่มาตรฐานโลก พร้อมยกระดับคุณค่าและมาตรฐานด้วยการจัดการ และการตลาดแบบมืออาชีพ
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน โครงการประชารัฐเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน และ SMEsก้าวสู่ตลาด 4.0(SMEs &OTOP Transformation)โครงการยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และโครงการยกระดับชุมชนต้นแบบที่มีศักยภาพก้าวสู่ SMEs (Micro to be SMEs) ว่า ทั้ง 3 โครงการมีเป้าหมายต้องการยกระดับการทำงานเชิงลึกของภาครัฐในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยจะเน้นในเรื่องเครื่องมือ หรือวิธีการ เพื่อพา SME ไทยสู่มาตรฐานโลก

ผอ.สสว. เผยอีกว่า สำหรับเครื่องมือที่จะใช้ในการยกระดับแต่ละโครงการมีดังนี้โครงการประชารัฐเพื่อพัฒนาวิสาหกิจชุมชน และ SMEsก้าวสู่ตลาด 4.0 (SMEs &OTOP Transformation) ซึ่งเป็นโครงการที่ สสว. ดำเนินการร่วมกับ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) เน้นในเรื่องการยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจและการตลาดให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนและ SMEs ไทย ก้าวสู่มาตรฐานไทยก่อนต่อยอดสู่มาตรฐานโลก ตามแนวคิดSME Standardization มาตรฐานไทย สู่มาตรฐานโลก ของ สสว. โดยมีโจทย์สำคัญคือ เพื่อแก้ปัญหาเรื่อง Pain point ซึ่งเป็นอุปสรรคการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กในเรื่องการขาดความรู้และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจที่แข่งขันได้โดยคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ด้วยโมเดลOTOP SMEs Transformer 4.0 ซึ่งให้ความสำคัญกับ การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้แข่งขันด้วยปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ (Wisdom) สามารถตอบสนองและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าแม่นยำด้วยระบบข้อมูลเชิงลึก (Insight) และสร้างเครือข่ายกว้างไกล รวดเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Connectivity)เป็นเครื่องมือในการให้ความรู้

“โครงการนี้คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1,200 คน จากทั่วประเทศ เหลือเพียง 100 คน เข้ารับการพัฒนาเชิงลึกและสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจ ก่อนนำสู่การทดสอบตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเฟ้นหา 10 ผู้ร่วมโครงการที่มีศักยภาพสูงสุด นำมาพัฒนาสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจชุมชนที่มีแนวคิดการดำเนินธุรกิจ การจัดการ และการตลาดที่ทันสมัย แข่งขันได้ และมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับนำไปต่อยอด ขยายผล สร้างเครือข่ายต้นแบบระดับจังหวัด และสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าชุมชนทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ใหม่ๆ สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) โดยผู้ที่มีแนวคิดโดดเด่นที่สุดจะได้รับการสนับสนุนในการช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาเครือข่าย โดยผู้เชี่ยวชาญ ภายในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท และเกียรติบัตรหรือโล่รางวัลจาก สสว. เพื่อเป็นเกียรติประวัติอีกด้วย

นายสุวรรณชัย กล่าวว่าโมเดลและเครื่องมือที่ออกแบบขึ้นเฉพาะ รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายที่คัดเลือกเข้าร่วมโครงการจากธุรกิจเด่นทั่วทุกภูมิภาค จะเป็นปัจจัยความสำเร็จในการพลิกธุรกิจชุมชนสู่คุณภาพ มาตรฐาน ก้าวทันความปลี่ยนแปลงของนิเวศน์ธุรกิจยุค 4.0 และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจชุมชนและ SMEs ไทย ตอบสนองแนวคิด SME Standardization ของ สสว. ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

ผอ.สสว. เผยว่าสำหรับโครงการยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สสว.ดำเนินการร่วมกับสถาบันอาหาร ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบในท้องถิ่น ให้เกิดการสร้างอาชีพ ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

โดยโครงการนี้มีจุดประสงค์ที่จะส่งเสริมให้ความรู้ในการออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ Life Style ของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบในท้องถิ่น ด้วยการนำเครื่องมือด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต พร้อมการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ด้วยการให้คำปรึกษาในเชิงลึก ด้วยกิจกรรม Focus Group ซึ่งเป็นการระดมความคิดเห็นร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเชิงธุรกิจให้กับผู้ประกอบการในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มในท้องถิ่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในเชิงพาณิชย์

นอกจากนี้ ต้องมีมาตรฐานด้วยการนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในโครงการทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการสถาบันอาหารด้านความปลอดภัย เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย อันจะส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพ ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“เรารับสมัครผู้ประกอบการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม OTOP ระดับ 3-5 ดาว ที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการโดยมีเป้าหมายที่ 500 รายจากทั่วประเทศ ในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเข้าร่วมกิจกรรม Focus Group ซึ่งเป็นการระดมความคิดจากภาคเอกชน อีกจำนวน 50 ราย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเชิงธุรกิจให้กับผู้ประกอบการในการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มในท้องถิ่นให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในเชิงพาณิชย์ และเชิญผู้เชี่ยวชาญในด้านมาตรฐาน ด้านบรรจุภัณฑ์ และด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือกสินค้าต้นแบบเป็น สุดยอดสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่มประจำท้องถิ่น (Product Champion) เพื่อเป็นโมเดลในการพัฒนาให้กับผู้ประกอบการหรือชุมชนอื่น ให้เกิดแรงผลักดันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการในตลาดยุคปัจจุบัน และพัฒนามาตรฐานให้สามารถจำหน่ายได้ในระดับสากล โดยทางสสว. และสถาบันอาหาร คาดว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับโครงการนี้ จะสามารถเพิ่มโอกาสและช่องทางการจำหน่าย และขยายตัวทางธุรกิจได้ไม่น้อยกว่า 25 ล้านบาท

ผอ.สสว. กล่าวว่า สำหรับโครงการยกระดับชุมชนต้นแบบที่มีศักยภาพก้าวสู่ SMEs (Micro to be SMEs) เป็นโครงการที่ สสว. ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการคัดเลือกชุมชนที่มีความโดดเด่นด้านสินค้าอัตลักษณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประวัติศาสตร์ แต่ยังขาดการบริหารจัดการที่เหมาะสม รวมถึงการต่อยอดและยกระดับความรู้ที่มีอัตลักษณ์เดิมที่กำลังจะหายไป ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อยกระดับผู้ประกอบการ ยังเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองรอง ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจความต้องการ ศักยภาพความพร้อม และความโดดเด่นเชิงอัตลักษณ์ พบว่าพื้นที่อำเภอลี้จังหวัดลำพูนเป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของผ้ายกดอกพื้นเมือง และผ้าฝ้ายทอมือกะเหรี่ยง รวมถึงเครื่องเงิน ซึ่งถือเป็นลายที่มีความเฉพาะตัว รวมทั้งยังมีปลาสังกะวาด (สังฆวาส) ซึ่งเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่คนในพื้นที่ยังใช้วิธีการจับปลาด้วยตุ้มแบบดั้งเดิม ในขณะที่พื้นที่บ้านธิเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีอัตลักษณ์ด้านผ้าทอลวดลายของไทลื้อ ไม้สักแกะสลักศิลปะไทลื้อ และการทำข้าวแคบ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่มีการผลิตเฉพาะในพื้นที่

“โครงการนี้ เน้นการยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบการชุมชนต้นแบบ การส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มสมาชิกและผู้เชี่ยวชาญ โดยสร้าง community engagement and people collaboration ผ่านมุมมองการวิเคราะห์และประเมินแบบ Context Input Process ProductModel (CIPP model) ที่จะช่วยให้สามารถเข้าใจเข้าถึงบริบทชุมชน ปัจจัยนำเข้า กระบวนการทำงานเดิม และผลลัพท์ที่เป็นอยู่ เพื่อเทียบกับเป้าหมายที่คาดหวังไว้ ซึ่งผู้ประกอบการชุมชนทั้งอำเภอลี้และอำเภอบ้านธิถือเป็นกลุ่มชุมชนที่มีความพร้อมที่จะยกระดับชุมชนตนเองในการให้ความร่วมมือและร่วมพัฒนาไปพร้อมๆ กับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นการเข้าไปแนะนำที่ชุมชน จึงถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีอันจะนำไปสู่การเกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนโดยแท้จริง”นายสุวรรณชัยกล่าวในที่สุด

สำหรับผู้สนใจลงทะเบียนอบรม ที่จังหวัดขอนแก่น โรงแรมวีวิช ในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน 2562 สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.transformer4-0.com

About The Author

Related posts

pgs78
dv188
ptgacor77
jps77
dontoto
kimciltoto
dubaispin168
horse188
shabu39
bs505
acaaca188
paila2000
3mbola
cabe202
bobaslot77
markasbet88
taxi777
bogo77
winslot777
kingmpo77
gokil456
webini33
hype168
laskar288
olxbet200
betseru
harta500
lady188
dubaispin168
bigsloTO777
budaya303
tyara88
vibes168
kingmahazeus
mahazeus
padukaraja
popay88
bancibet
piala2000
pragmaslot
wiki777dot
ty303
ganas567
tokohoki168
pati4d
tokyo787
sultanwin89
rajahoki88
biropay28
prada555
byon777
situs969
evos128
surgawon
agendunia55
qristoto88
1ybet
awan169
apel288
vipslot789
kelastoto
ratugacor777
pgs88
pektoto
habanero88
gacor12