วันศุกร์ 24 ตุลาคม 2025

“คิกออฟ” หัวจ่าย B10  ทั่วไทยจุดเปลี่ยนสำคัญ

“คิกออฟ” หัวจ่าย B10  ทั่วไทยจุดเปลี่ยนสำคัญ

“คิกออฟ” หัวจ่าย B10  ทั่วไทยจุดเปลี่ยนสำคัญ

สู่อนาคตมั่นคงยั่งยืนของเกษตรกรพืชพลังงานไทย

“จะมีการประเมินยอดขายของดีเซล B10 ทั้งหมด โดยจะสรุปรวมเพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลวิเคราะห์ให้เห็นถึงผลจากเรื่องของยอดใช้ ก่อนจะขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบาย เพื่อต่อยอดในเรื่องของการพยุงราคาผลิตผลปาล์ม และสร้างเสถียรภาพราคาของปาล์มน้ำมัน”… สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

เพราะราวต้นเดือนมีนาคม 2563นี้ จะเป็นห้วงเวลาที่หลายคนรอคอย กับการขับเคลื่อนผลักดันนโยบายน้ำมันดีเซล B10 โดยกระทรวงพลังงาน ตานโยบายที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน วางโครงสร้าง โดยเน้นย้ำถึงประโยชน์ของการรักษาเสถียรภาพผลิตผลทางการเกษตร และประโยชน์สูงสุดของเกษตรกร โดยเฉพาะ “ปาล์ม” ซึ่งที่ผ่านมามีราคาผันผวนไม่นิ่ง ราคาปาล์ม ที่ก่อนหน้านี้ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะเพดานนิวไฮที่ 7 บาท ต่อกิโลกรัม กลายเป็นที่กังวลของหลายฝ่าย เกี่ยวกับ ผลปาล์ม ที่กำลังออกสู่ตลาด แต่ที่สุด รมว.พลังงานก็เข็นโครงการการตรวจสอบผลปาล์มนอกระบบ จนสามารถกระตุก “ราคาปาล์ม” ให้ยังคงทรงตัว เป็นไปตามกลไกของการตลาด

ในระดับราคาที่เริ่มนิ่ง เริ่มทรงตัว นับเป็นการรักษาสเถียรภาพผ่านนโยบายที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม!!

ต่อเนื่องไปกับการขับเคลื่อนนโยบาย B10 ในเดือนมีนาคมนี้ กับหัวจ่ายที่จะกระจายไปทุกสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ขับเคลื่อนกลไกการตลาดกระตุ้น “ดีมานด์” ให้ขยับขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นอีกหนึ่งในกลไก ที่จะช่วยสร้างฐานราคาปาล์ม รองรับผลผลิตปาล์ม และรักษาเส้นทางของราคาปาล์มให้ยังคงดำเนินไปแบบธรรมชาติ

เป็นเรื่องของการรักษามาตรฐานราคา ที่ไม่ได้เน้นเพียงให้ขยับขึ้น แต่เน้นให้นิ่ง ให้มีความชัดเจน ก่อนจะเดินหน้านโยบายและมาตรการอื่นๆ ขึ้นมารองรับ เพื่อเป้าหมาย คือการ “รักษาเสถียรภาพราคา” มากกว่าการมุ่งหวังให้ราคาปาล์มขยับขึ้นแต่เพียงอย่างเดียว บนเป้าหมายสูงสุดที่อยู่บนยอดปลายปิรามิด “คือการสร้างมาตรฐานราคาปาล์ม รวมถึงราคาสินค้าเกษตรพลังงาน ทั้งระบบแบบครบวงจร” ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และมั่นคง กับเศรษฐกิจฐานรากของเกษตรกรไทย  เกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบาย B10 ที่จะเป็น “ต้นทาง” และเป็น “โมเดล” ของการสร้างเสถียรภาพราคาผลิตผลทางการเกษตร ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

รมว.พลังงาน กล่าวว่า “นโยบายขับเคลื่อนน้ำมันดีเซล B10 ในขณะนี้ ก็จะต้องเร่งรัด ในการที่สถานีบริการ ที่จะต้องมีหัวจ่าย B10 ทั้งประเทศในวันที่ 1 มีนาคม 2563 นี้ จากนั้นก็จะมีการประเมินยอดขายของดีเซล B10 ทั้งหมด โดยจะสรุปรวมเพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลวิเคราะห์ให้เห็นถึงผลจากเรื่องของยอดใช้ ก่อนจะขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบาย เพื่อต่อยอดในเรื่องของการพยุงราคาผลิตผลปาล์ม และสร้างเสถียรภาพราคาของปาล์มน้ำมันต่อไป” นายสนธิรัตน์กล่าว

และไม่เพียงแต่เรื่องของ “นโยบาย B10” ที่จะเริ่มต้นเป็นน้ำมันประเภทแรก ที่จะเดินหน้ากับการสร้างเสถียรภาพผลิตผลทางการเกษตรประเภทปาล์ม แต่ก่อนหน้านี้ มีการประกาศโดยกระทรวงพลังงาน และเป็นแนวนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอีกเช่นเดียวกัน กับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย E20  ที่กำลังจะตามมาติดๆ กับการยกเลิกน้ำมันแก๊ซโซฮอล์ 91 เพื่อให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมัน แบบ E20 แทน  ซึ่งจะเน้นไปที่การเพิ่มความต้องการน้ำมัน E20 โดยมีสินค้าเกษตรประเภท อ้อย และ มันสำปะหลัง เป็นวัตถุดิบสำคัญ ในกระบวนการผลิต และเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของเกษตรกรไทย  ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับเสถียรภาพด้านราคา มาเช่นเดียวกับปาล์ม

สองนโยบายสำคัญ คือทั้ง B10  และ E20 จากกระทรวงพลังงาน จึงเป็นแนวทางสำคัญของการสร้างเสถียรภาพสินค้าเกษตร โดยเฉพาะพืชพลังงานของไทย โดยกระทรวงพลังงาน ซึ่งนับได้ว่า เป็นแนวคิด และเป็นเส้นทาง ที่มีความชัดเจนในเชิงนโยบาย ก่อนจะนำไปสู่ การสร้างรากฐานความสอดคล้องระหว่าง ตัวเลขผลผลิต และ ตัวเลขของความต้องการทางด้านการตลาด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเสถียรภาพของราคาผลิตผล ตามแผนตามนโยบาย

การเริ่มต้นของการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับหัวจ่ายน้ำมัน ดีเซล B10 ทั่วประเทศที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ตามที่กระทรวงพลังงานได้คาดหวังไว้ ก็เป็นไปได้ที่นโยบายอื่นๆ ทั้ง E20 จะเดินไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญทั้ง B10 และ E20 ในครั้งนี้ เป็นข่าวดี และเป็นทั้ง ความหวังของเกษตรกรพืชพลังงานของไทย กับ มาตรฐานด้านราคาผลผลิตที่เห็นภาพ เห็นผล ซึ่งนโยบายที่ชัดเจน และความคาดหวังนี้ เป็นสิ่งที่เกษตรกรน่าจะรอคอยมายาวนานหลายปี

ฉะนั้น 1 มีนาคม นี้ กับการคิกออฟ เริ่มต้นหัวจ่ายน้ำมัน B10 ทั่วประเทศ และการวิเคราะห์ประเมินผลเชิงรวมถึงทิศทางการปรับตัวหันมาใช้น้ำมันของประชาชน นับได้ว่าเป็นตัวบ่งชี้สำคัญ ถึงอนาคตของพืชพลังงานไทย และอนาคตของเกษตรกรพืชพลังงานไทย  ทั้งเกษตรกรปาล์ม เกษตรกร อ้อย และมันสำปะหลัง เชื่อได้ว่าหลายคนคงรอคอย และจับตามองอย่างใกล้ชิด และคงต้องช่วยเป็นกำลังใจให้กระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขับเคลื่อนเดินหน้าสองนโยบายสำคัญนี้ให้ประสบความสำเร็จสร้างมิติใหม่แห่งวงการเกษตรไทย สร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เกษตรกรไทย สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนตรงตามแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลนี้

About The Author

Related posts

pgs78
dv188
ptgacor77
jps77
dontoto
kimciltoto
dubaispin168
horse188
shabu39
bs505
acaaca188
paila2000
3mbola
cabe202
bobaslot77
markasbet88
taxi777
bogo77
winslot777
kingmpo77
gokil456
webini33
hype168
laskar288
olxbet200
betseru
harta500
lady188
dubaispin168
bigsloTO777
budaya303
tyara88
vibes168
kingmahazeus
mahazeus
padukaraja
popay88
bancibet
piala2000
pragmaslot
wiki777dot
ty303
ganas567
tokohoki168
pati4d
tokyo787
sultanwin89
rajahoki88
biropay28
prada555
byon777
situs969
evos128
surgawon
agendunia55
qristoto88
1ybet
awan169
apel288
vipslot789
kelastoto
ratugacor777
pgs88
pektoto
habanero88
gacor12