“สวทช.”โดยนาโนเทค จับมือพันธมิตร ปูพรมใช้ “ชุดตรวจคัดกรองโรคไต”นำร่องสร้าง “ขอนแก่นโมเดล”
เพื่อขับเคลื่อนการใช้ชุดตรวจคัดกรองอย่างครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด เป็นการนำร่อง ‘ขอนแก่นโมเดล’ ซึ่งตั้งเป้าขยายผลสู่ระดับประเทศภายในปี 2571 เพื่อยกระดับสุขภาวะของประชาชนไทยด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย และตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ที่ ห้องบอลรูม โรงแรมพูลแมน ขอนแก่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ลงนามความร่วมมือด้าน “การนำนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไต และภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการสุขภาพในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น” โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดกิจกรรมอบรมการใช้ชุดตรวจคัดกรองโรคไตให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ครอบคลุมทั้ง 248 แห่งในจังหวัดขอนแก่น เพื่อขับเคลื่อนการใช้ชุดตรวจคัดกรองอย่างครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัด เป็นการนำร่อง ‘ขอนแก่นโมเดล’ ซึ่งตั้งเป้าขยายผลสู่ระดับประเทศภายในปี 2571 เพื่อยกระดับสุขภาวะของประชาชนไทยด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย และตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่
ในการนี้ นายวัฒนา ช่างเหลา นายก อบจ.ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการนำนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไตและภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการสุขภาพในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น โดยมี นพ.ธนชัย พนาพุฒิ นายแพทย์เชี่ยวชาญ อายุรแพทย์โรคไต โรงพยาบาลขอนแก่น ปธ.คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ Service Plan สาขาโรคไต จ.ขอนแก่น, ดร.เดือนเพ็ญ จาปรุง นักวิจัยอาวุโส ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ และผอ.ขับเคลื่อนแผนงานนวัตกรรมชุดตรวจรวดเร็ว สวทช. ,ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผอ.ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ,นางดวงแข อรรณนพพร รองนายก อบจ.ขอนแก่น, พญ.วรุณยุพา พรพลทอง รก.หัวหน้าฝ่ายบริการสาธารณสุขกองสาธารณสุข อบจ.ขอนแก่น ,นางกิตติมา ก้านจักร นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ สสจ.ขอนแก่น ,นางสาลินี ไวยนนท์ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ(ด้านส่งเสริมพัฒนา) สสจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากรพ. สต. ในจังหวัดขอนแก่น ร่วมในการประชุม
ดร.อุรชา รักษ์ตานนท์ชัย ผอ.ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “ขุมพลังหลักของประเทศ” ของ อว. โดย สวทช. นั้น เป็นการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนา “ระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรม” ให้เข้มแข็ง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านกลยุทธ์การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประเทศไทยยั่งยืน (S&T Implementation for Sustainable Thailand) ที่มุ่งเป้าหมาย 4 มิติ ประกอบด้วย การเพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการพึ่งพาตนเอง ทั้งนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานวิจัยของนาโนเทค ภายใต้ SF ชุดตรวจสุขภาวะ ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำระดับประเทศด้านนวัตกรรมชุดตรวจสุขภาวะ ต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ยกระดับเศรษฐกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่ม ที่สำคัญคือ ประชาชนเข้าถึงได้ เพื่อสนับสนุนสังคมเท่าเทียมและยั่งยืน
“ชุดตรวจคัดกรองโรคไตนี้ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ S&T Implementation for Sustainable Thailand โดยเป็นนวัตกรรมชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Test) ที่ต่อยอดงานวิจัย ‘AL-Strip’ โดย ดร.สาธิตา ตปนียากร ซึ่งเป็นชุดตรวจคัดกรองโรคไตเชิงคุณภาพที่ประชาชนทั่วไปใช้ตรวจคัดกรองโรคได้ด้วยตัวเอง และทราบผลตรวจได้ภายใน 5 นาที ในปัจจุบันได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กัผู้ประกอบการไทยแล้ว 3 ราย คือ บริษัทอินโนซุส จำกัด, บริษัทเมดไบโอซิน จำกัด และ บริษัทไฮไลฟ์ เฮลท์ จำกัด นอกจากนี้ ยังส่งมอบชุดตรวจคัดกรองโรคไตให้กับพันธมิตร อาทิ โครงการป้องกันและชะลอโรคไตเรื้อรังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (CKDNET) มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 ขอนแก่น สภาเภสัชกรรม และอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายผลการใช้ประโยชน์นวัตกรรมให้กลุ่มผู้ใช้จริง” ดร.อุรชา กล่าว
ด้าน ดร.เดือนเพ็ญ จาปรุง นักวิจัยอาวุโส นาโนเทค และผอ.ขับเคลื่อนแผนงานนวัตกรรมชุดตรวจรวดเร็ว สวทช. กล่าวว่า โครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจแบบรวดเร็ว (Rapid Test) มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมไทยสู่การพึ่งตนเอง ลดภาระค่าใช้จ่าย ลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางด้านการแพทย์ของประเทศ ช่วยเพิ่มการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประชาชน ด้วยกลยุทธ์การสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นจากการนำผลงานวิจัยสู่การใช้งานจริง นำร่องด้วยนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไต ที่มีความร่วมมือจากพันธมิตรหลายภาคส่วน รวมถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น และองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ที่ร่วมลงนามในครั้งนี้
ชุดตรวจคัดกรองโรคไตนี้เป็นการต่อยอดผลงานวิจัย ‘AL-Strip’ ชุดตรวจโรคไตเชิงคุณภาพสำหรับใช้ตรวจคัดกรองโรคได้ด้วยตัวเอง ทราบผลภายใน 5 นาที โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ชุดตรวจได้ด้วยตนเองเพียงหยดปัสสาวะที่เก็บใหม่ลงในช่องที่กำหนดของชุดตรวจคัดกรอง จากนั้นอ่านผลจากแถบสีที่ปรากฏ (คล้ายกับการใช้ชุดตรวจคัดกรองโรคโควิด-19) หลักการทำงานของชุดตรวจนี้อาศัยการวิเคราะห์ปริมาณอัลบูมินในปัสสาวะ โดยอัลบูมินเป็นโปรตีนที่เป็นสารประกอบหลักของเลือด หากพบว่ามีอัลบูมินเจือปนอยู่ในปัสสาวะเกินกว่า 20 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ชุดตรวจจะแสดงผลด้วยแถบสี 1 ขีด หมายถึง ‘มีความเสี่ยงเป็นโรคไตในระดับสูง’ แนะนำให้ผู้ที่ได้รับผลตรวจแบบนี้ ควรเข้ารับการตรวจโดยละเอียดที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยความผิดปกติของร่างกาย และเข้ารับการรักษาตามระยะของความผิดปกติที่พบ หากผู้ป่วยตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในระยะเริ่มต้น จะทำให้มีโอกาสหันกลับมาดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารเพื่อชะลอความเสื่อมของไตได้
“สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการการใช้ชุดตรวจคัดกรองโรคไตให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ครอบคลุมทั้ง 248 แห่งในจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้เกิดการคัดกรองด้วยชุดตรวจคัดกรองโรคไตอย่างเต็มศักยภาพในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เป็นการปูทางสร้าง “ขอนแก่นโมเดล” ขับเคลื่อนการคัดกรองโรคไตแบบเชิงรุกเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในประเทศไทย ลดช่องโหว่ของการเข้าไม่ถึงการตรวจคัดกรองโรคไตได้ตั้งแต่ระยะต้นของประชาชน จากค่าใช้จ่ายในการตรวจที่ค่อนข้างสูง รวมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่ให้บริการตรวจยังมีไม่เพียงพอ เพราะต้องเป็นสถานพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ และด้านเทคนิคการแพทย์ในการดำเนินการตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจังหวัดขอนแก่นจะเป็นโมเดลนำร่องในการพัฒนาระบบการคัดกรองโรคไตแบบใหม่นี้ ก่อนที่จะขยายผลทั่วประเทศภายในปี 2571” ดร.เดือนเพ็ญเผย
ส่วน นางสาลินี ไวยนนท์ นักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ(ด้านส่งเสริมพัฒนา) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า โรคไตเรื้อรัง เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย และจังหวัดขอนแก่นเองมีอุบัติการณ์ผู้ป่วยโรคไตปีละกว่า 30,000 ราย จากการค้นหาและคัดกรองในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงเพียงร้อยละ 50 ซึ่งหมายความว่าหากมีการค้นหามากขึ้นก็มีโอกาสในการพบผู้ป่วยโรคไตมากขึ้นด้วยเช่นกัน จังหวัดขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ และให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องของการดูแลสุขภาพไตอย่างถูกต้อง โดยการส่งเสริมให้หน่วยงานสาธารณสุข โรงพยาบาลชุมชน และ อสม. ที่มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ความรู้ เช่น การคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง การให้คำแนะนำเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย และการติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการรักษา จังหวัดขอนแก่นได้เตรียมพร้อมด้านบุคลากรและเทคโนโลยีทางการแพทย์ การให้บริการ CKD Clinic ซึ่งมีครอบคลุมทุกโรงพยาบาลในพื้นที่ การให้บริการ RRT (การบริการ APD CAPD การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม : HD และการส่งเสริมการปลูกถ่ายไต : KT) ที่มีความพร้อมและเพียงพอ ซึ่งมีผู้ป่วยเข้ารับบริการ APD CAPD จำนวน 1,700 ราย HD จำนวน 2,978 ราย และ KT ที่ได้รับยากดภูมิ จำนวน 426 ราย เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม พร้อมทั้งมีการประสานงานกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างระบบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
“แม้มีการจัดระบบบริการรักษาไว้รองรับอย่างดี แต่การป้องกันย่อมดีกว่า ต้องขอขอบคุณ สวทช. ที่สนับสนุนนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไต เพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงโรคไต ซึ่งสามารถตรวจได้ด้วยตนเองและทราบผลภายใน 5 นาที เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรก โดยสามารถเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์อัตราการกรองของไต และเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยและรักษาตามแนวทางต่อไป” นางสาลินีกล่าว
มาที่ นายวัฒนา ช่างเหลา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับหน่วยงานและภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อลดอัตราการเกิดโรคไตเรื้อรังในประชาชน โดยการตรวจคัดกรองจะช่วยให้สามารถระบุผู้ที่มีความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว และนำไปสู่การให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพในระยะยาว โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นจะส่งเสริมการใช้นวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไตและภาวะแทรกซ้อนโรคเบาหวานในสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในสังกัดที่ได้รับถ่ายโอนมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นอย่างครบถ้วน 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 248 แห่ง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 26 อำเภอ การดำเนินการนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเครือข่ายการดูแลสุขภาพในชุมชน ร่วมกับ อสม. และหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของประชาชนในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น
“เราต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคไตและส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและลดภาระของระบบสาธารณสุขในจังหวัดขอนแก่น ความร่วมมือนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการ “ค้นหา คัดกรอง ป้องกัน ชะลอไตเสื่อม” และการทำงานร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด และหน่วยงานในภาคส่วนต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่นย้ำ.