‘พัทยา’ ใช้ธรรมนูญพัฒนาเมือง!สร้างสุขภาวะดี ‘คนทำงานกลางคืน’ยกระดับช่างสัก-ดูแลแรงงานนอกระบบ
พัทยา ใช้ธรรมนูญพัฒนาเมือง! ผลักดันเมืองสุขภาวะดี มีความปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับทุกคน ชง การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยกลุ่มอาชีพช่างสัก ดูแลสวัสดิการชีวิตคนทำงานกลางคืน ป้องเด็กเยาวชนในสถานศึกษาจากบุหรี่ไฟฟ้า เข้าสู่วาระสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยาครั้งที่ 3 พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับเมืองพัทยาและภาคีเครือข่ายจัด ประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา ครั้งที่ 2/2568 เพื่อร่วมกันนำสนอความคืบหน้าและถกแถลงประเด็นสาธารณะ ได้แก่ ธรรมนูญกลุ่มอาชีพช่างสักเมืองพัทยา การพัฒนาคุณภาพชีวิตและระบบสวัสดิการกลุ่มแรงงานนอกระบบในเวลากลางคืน และมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า ที่จะเข้าสู่ระเบียบวาระสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยาครั้งที่ 3 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 26 ส.ค. 2568
ทั้งนี้ได้มีการร่วมกันลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สช. เมืองพัทยา โรงเรียนในสังกัดเมืองพัทยาทั้ง 11 แห่ง สถานีตำรวจภูธรในพื้นที่ สมาคมชุมชนเมืองพัทยา อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) คณะกรรมการสถานศึกษา สาธารณสุขอำเภอบางละมุง เพื่อร่วมกันชับเคลื่อนมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และประธานคณะกรรมการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา (คจ.สพ.) กล่าวว่า เมืองพัทยาได้ขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับ สช. มาเป็นระยะเวลาหลายปี นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ได้จัดทำธรรมนูญสุขภาพกลุ่มอาชีพผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาด และผู้ประกอบการนวดแผนไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำหนดกรอบทิศทางและแนวปฏิบัติการมีสุขภาวะที่ดี มีความมั่นคงในอาชีพและการมีงานทำ ในครั้งนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตการทำงานด้านสุขภาวะไปยังมิติและกลุ่มอาชีพอื่นๆ ได้แก่ การผลักดันธรรมนูญฯช่างสักเมืองพัทยา การยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานกลางคืน รวมไปถึงการป้องกันเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
“พัทยามีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว และเป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับ 7 ของโลก จึงต้องมุ่งมั่นที่จะดูแลเมืองให้เกิดสุขภาวะที่ดีในมิติต่างๆ ตามแนวคิดเมืองปลอดภัย มีการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานยั่งยืนและน่าอยู่สำหรับทุกคน และส่วนหนึ่งที่ทำให้เรานำธรรมนูญฯ มาใช้ได้ง่ายขึ้นเพราะเมืองพัทยามีอำนาจในการให้อนุญาตหรืองดอนุญาตซึ่งเป็นการให้คุณให้โทษได้ เช่น ธรรมนูญร่มเตียงชายหาดและหมอนวดแผนไทยที่เราได้ผลักดันไป ผู้ประกอบการจะต้องมาขึ้นทะเบียนกับเรา เมื่อมีธรรมนูญฯขึ้นมาแล้ว หากเขาทำผิด ก็สามารถใช้ข้อบังคับที่เมืองพัทยามีอำนาจดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งพื้นที่ที่เมืองพัทยาจะไม่ได้มีอำนาจโดยตรง แต่ก็อาศัยธรรมนูญฯ ในการขับเคลื่อนเช่นกัน อย่างธรรมนูญฯเกาะล้าน ก็มีเพื่อให้เป็นกติการ่วมกันในการดูแลสิ่งแวดล้อม” นายกเมืองพัทยา กล่าว
ร.ต.อ.หญิง กัญรภา มุกดาสนิท ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา กรรมการและเลขานุการ คจ.สพ. ให้รายละเอียดว่า การดูแลกลุ่มอาชีพช่างสักเมืองพัทยาผ่านการจัดธรรมนูญฯ เกิดจากการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการช่างสักร่วมกับสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา เพื่อกำหนดทิศทางนโยบาย มาตรฐานความปลอดภัยการให้บริการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมอนามัย และมุ่งหวังที่จะยกระดับไปสู่การมีหลักสูตรรับรองทางวิชาชีพช่างสักต่อไปในอนาคต
มากไปกว่านั้น คือการดูแลสุขภาวะที่ดีให้กับแรงงานที่ทำงานตอนกลางคืน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของเมืองพัทยา แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาวะในหลายๆ มิติ ส่วนงานต่างๆ จึงต้องเข้ามาร่วมกันยกระดับ ทั้งในมิติการคุ้มครองสิทธิแรงงานโดยการจัดตั้งคลินิกให้บริการด้านสิทธิและจัดให้มีระบบร้องเรียนแบบไม่เปิดเผยตัวผ่านแอปหรือสายด่วน รวมไปถึงขับเคลื่อนให้เกิดกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานพนักงานบริการ ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังมีมิติการดูแลสวัสดิการสิ่งอำนวยความสะดวกและความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ผ่านการจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กจากกลุ่มคนทำงานกลางคืน ลักษณะการดูแลทั้งในช่วงเวลากลางวัน (Day Care) และช่วงเวลากลางคืน (Night Care)
“อีกทั้ง เมืองพัทยาจะมีการสนับสนุนให้เครือข่ายภาคประชาสังคม ไม่ว่าจะเป็น NGO หรือมูลนิธิต่างๆ ที่เขาทำงานเรื่องนี้อยู่แล้ว รวมไปถึงกลุ่มประชาชนให้สามารถเข้ามาใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ซึ่งเป็นงบที่ สปสช. ร่วมกันสบทบกับเมืองพัทยา โดยเมืองพัทยาสนับสนุน 100% เกินกว่าที่ สปสช. กำหนดไว้ เพื่อจะนำงบเหล่านี้ไปส่งเสริมป้องกันสุขภาพให้คนทำงานกลางคืนในมิติต่างๆ เช่น การตรวจสุขภาพจิต การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ฯลฯ” ร.ต.อ.หญิง กัญรภา กล่าว
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ (สสส. สำนัก 7) กล่าวว่า สสส. ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนการทำงานด้านวิชาการ เครือข่าย และงบประมาณบางส่วน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสุขภาวะที่ดีในเมืองพัทยา การเข้ามาร่วมประชุมในวันนี้ทำให้ได้เห็นถึงความเข้มแข็งของภาคประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาชีพช่างสัก ตัวแทนผู้ประกอบการ ฯลฯ ในการมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์สิทธิของตนเองและพัฒนาผลประโยชน์ให้กับเพื่อนร่วมอาชีพ ซึ่งจะส่งผลประโยชน์ต่อภาพรวมที่ดีของชุมชนและเมืองพัทยา นอกจากนี้ยังมองเห็นการเปิดกว้างของพื้นที่กลางสาธารณะที่จะทำให้ภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาชนที่อาจจะเข้าถึงเวทีเช่นนี้ได้ยาก ได้เข้ามาร่วมกันนำเสนอนโยบายสาธารณะที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตตนเอง
นายเตชิต ชาวบางพรหม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะเขตเมือง สช. กล่าวว่า ผลจากการจัดประชุมภาคีเครือข่ายกลุ่มอาชีพช่างสักครั้งที่ผ่านๆมาได้ทำให้เกิดการจัดทำ (ร่าง) ธรรมนูญสุขภาพกลุ่มอาชีพช่างสัก สาระสำคัญคือการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายรองรับ รวมไปถึงขอบเขตความเหมาะสมของศิลปะรอยสักบนเรือนร่าง เช่น การนำสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาหรือความเชื่ออื่นๆ ไปอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสมของร่างกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ คือการดูแลสวัสดิการด้านสุขภาพให้กับแรงงานอิสระที่ทำงานในเวลากลางคืน ซึ่งมีความหลากหลายทางกลุ่มอาชีพ การใช้ชีวิตเพื่อทำงานในเวลากลางคืนได้ส่งผลให้การเข้าถึงสิทธิทางสุขภาพ ที่มักเปิดให้บริการตามเวลาราชการในช่วงกลางวันเป็นไปได้ยาก และสุดท้ายคือการดูแลเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งจะมีการลงนาม MOU ร่วมกันในช่วงบ่ายของวันนี้
นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (รองเลขาธิการ คสช.) กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบ มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้าและเห็นชอบมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยตามที่ คสช. เสนอ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 สช. จึงได้ดำเนินการร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนอย่างแข็งขันที่จะหยุดยั้งภัยอันตรายการแพร่ระบาดดังกล่าว และการร่วมกันลงนาม MOU ในวันนี้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินหน้าในการทำให้เด็กและเยาวชนในเมืองพัทยาปลอดภัยจากพิษสงของบุหรี่ไฟฟ้า
“จากข้อมูลที่รับทราบมาจากทุกท่านที่ทำงานอยู่ในพื้นที่พัทยา พบว่าเด็กๆในพัทยามีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งหลังจากนี้เราจะได้ช่วยกันตรวจตราและเฝ้าระวังร่วมกันหลายๆภาคส่วน ทั้งผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอขอบคุณผู้ใหญ่ในวันนี้ทุกท่าน ที่อยากให้เด็กและเยาวชนไทยมีอนาคตที่ดี และ สช. จะเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเข้มแข็งต่อไป” รองเลขาธิการ คสช. กล่าว