10 ปี รร.เมทนีดล สอนทักษะชีวิตยั่งยืน เพราะยืนหยัด ให้นักเรียนได้ปฏิบัติรู้จริง
โรงเรียนเมทนีดล จังหวัดขอนแก่น เป็นโรงเรียนมาตรฐานสากล(World Class Standard School) มีนักเรียนต่างชาติหลากหลายเกือบ 20 ประเทศ เรียกว่า เป็นการศึกษาพหุวัฒนธรรม(Multicultural Education)อย่างแท้จริงเพราะนักเรียนไม่ถูกแบ่งแยก เรียนรู้ร่วมกันทั้งกิจกรรมแบบตะวันออก ตะวันตก อีกทั้งลงลึกถึงองค์ความรู้ท้องถิ่นเพื่อเพิ่มทักษะชีวิตให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง เรียก Active Learning ดังเช่นจุดเน้นเชิงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนปัจจุบัน ตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้สถานศึกษาลดชั่วโมงเรียนของนักเรียนในภาควิชาการตามกลุ่มสาระหลักในชั้นเรียน
โดยที่นักเรียนจะได้ทำกิจกรรมนอกห้องเรียน ในกลุ่มสาระที่เหลือแบบบูรณาการและกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนลดความเครียด และเสริมสร้างทักษะทุกด้าน คือด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม นั้น สะเต็มศึกษาเป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่เน้นการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน ที่จะทำให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิตจริง และเป็นกิจกรรมที่โรงเรียนสามารถนำมาใช้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการจัดกิจกรรมตามนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ได้ ก้าวเข้าสู่ปีที่10แล้วที่โรงเรียนเมทนีดล ส่งเสริมให้นักเรียนทุกชนชาติเข้าเรียนห้องเรียนทักษะชีวิต ที่เรียกว่า แปลงข้าว มีพระอาทิตย์ให้แสงสว่าง ลมพัดแทนห้องปรับอากาศ ชาวนาเป็นคุณครู ต้นกล้า ปูนา ปลาน้อย ดินโคลน เป็นสื่อการเรียนชั้นเยี่ยม
นางสาวอรทัย สันติเมทนีดล ผู้อำนวยการโรงเรียนเมทนีดล กล่าวว่า การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้สำเร็จ เพราะต้องมีการลงทุนทั้งเรื่องเวลา พลังงานของทีม การเตรียมการร่วมมือจริงจังของทุกฝ่าย ซึ่งโรงเรียนเมทนีดล เรามีนักเรียนทั้งลูกครึ่ง ลูกเต็มจากหลายเชื้อชาติด้วย เราจึงมุ่งเน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนเท่าเทียมกันเกิดการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน และร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขัน นี่เป็นกระบวนการเรียนรู้แบบนักเรียนลงมือปฏิบัติจริงดังเช่นโครงการปลูกเพื่อแม่ เก็บเกี่ยวแด่พ่อ เป็นโครงการที่ดีเยี่ยมมาโดยตลอด 10 ปี
นางสาวอรทัย กล่าวอีกว่า โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมและการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระแม่พันปีหลวงเข้ามาให้นักเรียนระดับประถมได้ลงสัมผัสกับชีวิตจริงของชาวนา เคารพอาชีพสุจริต นักเรียนจะถูกฝึกให้คิด รับผิดชอบงาน นำกลับไปใช้ในชีวิตประจำวัน ถ่ายทอดสื่อสารได้หลายภาษา และกลับมาดูผลงานอีกครั้งในเทอมสอง คือการลงเกี่ยวข้าว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่โรงเรียนต้องเตรียมรถตู้ออกเดินทาง และในขากลับต้องทำความสะอาดรถให้สะอาดที่สุด เพราะนักเรียนจะเลอะเทอะมาก แต่นี่คือการเรียนรู้วัยเยาว์ที่คุ้มค่าเหนื่อยของดิฉันและทีมต้องประสานนาที่ปลอดภัย ขอปราชญ์ชาวบ้านตัวจริงมาสอนนักเรียน คุณครูต่างชาติต้องได้ลงสัมผัสด้วย รวมถึงตัวดิฉันต้องร่วมส่งเสริม กระตุ้น สอนให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ไปด้วยทั้งนี้อยากขอบคุณผู้ปกครองโรงเรียนของเราที่เปิดโอกาสให้บุตรหลาน ได้เปิดโลกทัศน์เช่นนี้ทุกปี รวมทั้งชุมชนที่ช่วยเหลือการจัดการเรียนการสอนนอกห้องเช่นนี้ทุกภาคเรียน
คุณครูอัลลัน จอนท์ ฟิลป์ ครูต่างชาติ กล่าวว่านักเรียนของ รร.เมทนีดลได้ลงมือปฏิบัติจริง นักเรียนจะได้รับความรู้โดยตรงจากกิจกรรมต่างๆเสริมทักษะชีวิต คิดวิเคราะห์เองโดยมีคุณครูต่างชาติและไทยอยู่ด้วย อาทิ โครงการลงนาประจำปี 2560 พวกเขามีส่วนร่วม มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ผู้สอนปราชญ์ชาวบ้าน สิ่งแวดล้อมรอบตัว เป็นต้น การเรียนรู้ได้ผ่านการปฏิบัติจริง นักเรียนจะสามารถเก็บจำในระบบความจำระยะยาว (Long Term Memory) ทำให้ผลการเรียนรู้ยังคงอยู่ได้ในปริมาณที่มากกว่าแค่การอ่านหรือดูสื่อในห้องเรียนการที่โรงเรียนเมทนีดล ได้ดำเนินการจัดทักษะชีวิตลงสู่องค์ความรู้ท้องถิ่นนี้ เป็นเรื่องท้าทายของผู้อำนวยการที่ท่านต้องทุ่มเท ใส่ใจทุกขั้นตอน ถึงจะให้นักเรียนมาลงมือปฏิบัติจริง
คุณครูอัลลัน กล่าวเพิ่มเติมว่า นักเรียนได้ลงดำนาในเทอมหนึ่ง กลับมาเกี่ยวข้าวในเทอมสอง การได้เรียนรู้ของนักเรียนที่เกิดความคิดรวบยอด เพราะเขาฝึกบูรณาการความรู้ด้วยตัวเอง ทั้งความรักในท้องถิ่น การสื่อสารกับครูต่างชาติ นักเรียนกลับโรงเรียน พวกเขาจะเขียน เล่าถ่ายทอดเป็นงานภาษาต่างประเทศได้ด้วย กลุ่มครูต่างชาติไปช่วยประกบพร้อมทั้งเป็นผู้รับฟังผลสะท้อนของนักเรียน สอนสิ่งต่างๆรอบตัวได้บ้าง แต่พวกเขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งการมาแต่ละครั้งจะได้ความรู้ ประสบการณ์สนุกแตกต่างกันไป อีกทั้งผู้อำนวยการลงมาปฏิบัติกับนักเรียนและคุณครูด้วย สิ่งที่ยึดใจเหล่าคุณครู นักเรียนคือการเป็นตัวอย่างที่ยืนหยัดในวิสัยทัศน์ของท่านผู้อำนวยการเมทนีดล
ส่วน ด.ช.ณภัทร วัฒนกูล (นาโน) กล่าวว่าตนเองเรียนที่เมทนีดลตั้งแต่ห้องเตรียมอนุบาล ตอนเรียนอยู่ชั้นอนุบาล ได้มีโอกาสร่วมกับเพื่อนๆได้ลงนาแปลงสาธิต สนุกมาก พอขึ้นชั้นประถมปีที่ 1 ผอ.ฝน และคุณครูทุกคน พาพวกผมไปลงนาจริง ผมตื่นเต้นและชอบมาก นับเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะไม่กล้าเหยียบโคลนลงไปแต่พอได้ลงไป กับเดินคล่อง โดยได้ลงมือปลูกข้าวเอง พวกเราต้องรับผิดชอบในส่วนของเรา จากนั้นเราสามารถเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้ หลังดำนาเสร็จ ก็ร่วมจับปู ทำให้ติดใจ ปีที่แล้ว พลาดที่ไม่ได้เตรียมการบ้านมา ปีนี้ จึงนำกล่อง ใส่หินให้เหมือนบ้านเขา เพื่ออยากนำปูที่ไม่ใช่ลูกตัวเล็กๆ เป็นปูตัวโตกลับไปให้น้องๆที่โรงเรียนดูก่อน แล้วลองเลี้ยงดูที่บ้าน โดยกิจกรรมในครั้งนี้ทุกคนกินข้าวอร่อยมากขึ้น กินหมดทุกคนเพราะเรารู้คุณค่าของข้าว ความเหน็ดเหนื่อยกว่าจะได้ข้าวบนโต๊ะอาหาร เทอมสองผมรอคอยที่จะไปเกี่ยวข้าวที่เราปลูก ขอบคุณคุณน้าตะวัน ชาวนาบ้านผือที่ให้เราได้ลงนาของจริง