“ขอนแก่น” ยอดโควิด-19 พุ่ง พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย รวมสะสม 3ราย พร้อมเผยไทม์ไลน์
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) บริเวณชั้น 3 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น (สสจ.ขอนแก่น)ร่วมกันแถลงข่าว สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัส covid-19 ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จากการตรวจของเจ้าที่ พบผู้ป่วยรายที่ 3 ซึ่งรอผลการตรวจยืนยันตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยรายที่ 3 เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพค้าขายอาหารทะเล ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 2 ของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งได้ประกอบอาชีพร่วมกัน ผลการตรวจยืนยันว่ามีผลเป็นบวก คือติดเชื้อ covid-19
ซึ่งผู้ป่วยของจังหวัดขอนแก่นทั้ง 3 ราย จากการขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขของจังหวัดขอนแก่นตามคำแนะนำที่ทางจังหวัดได้ประกาศออกไปว่า ผู้ใดที่ผ่านหรือไปประกอบอาชีพหรือเดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาคร ให้เข้ารายงานตัวเพื่อตรวจสอบโรค ดังนั้นผู้ป่วยทั้ง 3 ราย ถือว่าเป็นผู้ที่มารายงานตัวแจ้งเข้ารับการตรวจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างมาก
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่มีการระบาดระลอกใหม่จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา มีผู้เดินทางซึ่งเป็นชาวขอนแก่น หรือประกอบอาชีพในจังหวัดขอนแก่น เป็นผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาคร จำนวนทั้งสิ้น 576 ราย ที่เข้ามารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขในจังหวัดขอนแก่น และมีการส่งตัวอย่างตรวจไปแล้ว 134 รายและพบว่ามีผลเป็นบวก 3 ราย ขณะนี้อีก 442 ราย อยู่ในระหว่างการเฝ้าระวังตนเองและพำนักอาศัยอยู่ในบ้านพักของตนเอง จำนวน 14 วัน ซึ่งเป็นข้อมูลจากงานระบาดวิทยาของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ที่เก็บรวบรวมข้อมูลประจำวัน
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่าจังหวัดขอนแก่น โดยคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดขอนแก่น และทีมงานในระดับพื้นที่ ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่และขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขอให้รับฟังแนวทางมาตรการต่างๆ ที่ทางจังหวัดจะประกาศออกมาเป็นระยะ โดยขณะนี้ขอให้ระมัดระวังตนเองอย่างเข้มงวด โดยสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ งด ละเว้นหรือหลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก งดหรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสาธารณะที่มีผู้คนสัมผัสเป็นจำนวนมากหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ขอให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์โดยทันที กินของร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว เพื่อลดโอกาสในการรับเชื้อ covid-19 เพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ด้าน นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา (นพ.สสจ.ขอนแก่น) กล่าวเสริมว่า จังหวัดขอนแก่น พบผู้ป่วย 3 ราย ซึ่งผู้ป่วยติดเชื้อ ยังไม่ได้แสดงอาการป่วย ซึ่งผู้ป่วยรายที่ 1 เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลขอนแก่น และได้ให้ยารักษาเป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งจากการประเมินอาการในภาพรวมแล้ว อาการทุกอย่างยังเป็นปกติ แพทย์ผู้รักษาได้ให้ยาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วย และเป็นการลดปริมาณของเชื้อไวรัสลง ซึ่งยังอยู่ในการดูแลของแพทย์ อาการยังเป็นปกติ ยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ยาในการรักษาที่สูงไปกว่านี้ ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลได้ยกระดับให้โรงพยาบาลขนาดเล็ก จัดให้มีห้องแยกซึ่งเป็นห้องความดันลบ โดยในระหว่างที่ส่งสิ่งตรวจหาเชื้อ ให้มีการกักตัว หากมีผลเป็นบวกมีการติดเชื้อ แต่มีอาการเล็กน้อย สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลขนาดเล็กได้ทันที
นพ.สมชายโชติ กล่าวอีกว่าด้านมาตรการด้านสาธารณสุข ได้สั่งการให้หน่วยงานทุกพื้นที่ได้กำชับ ให้ อสม.ออกเคาะประตูบ้านกลุ่มเสี่ยง เพื่อประชาสัมพันธ์ ให้คนที่มาจากสมุทรสาคร ได้ตระหนักและเข้ารายงานตัว เพื่อจะได้ปฏิบัติงานได้อย่างสะดวกรวดเร็วขึ้น และกำชับให้ อสม.ได้รายงานผลเป็นประจำทุกวัน ส่วนกรณีผู้สัมผัสที่มีการส่งสิ่งตรวจ รอผลตรวจ ได้มีการจัดส่งทีมไปสอบสวนขยายผลว่าได้ไปสัมผัสที่ไหน อย่างไร เพื่อให้เกิด Timeline เพื่อให้สามารถใช้มาตรการ ป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ทุกแห่งได้สำรวจการจัดงานหรือกิจกรรม ที่มีรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ให้มีการแจ้งสถานการณ์ให้นายอำเภอรับทราบ โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมทางสังคมที่มีความเสี่ยง
นพ.สมชายโชติ กล่าวด้วยว่าซึ่งบุคลากรทางสาธารณสุขทุกคนต้องปลอดภัยในการป้องกันตนเอง ให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการให้กำลังใจ ได้ส่งทีมจิตเวชให้กำลังใจครอบครัวผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด และให้มีการเตรียมความพร้อม ใน Home quarantine มีการจัดเตรียมพื้นที่รองรับ หากมีกลุ่มเสี่ยงสัมผัสเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งผลตรวจ 134 ตัวอย่าง ให้มีการกระจายไม่ให้กระจุกตัว ในกรณีที่แต่ละอำเภอมีประชาชนที่เดินทางไปจังหวัดสมุทรสาครได้เข้ารายงานตัวและเข้าสู่การสอบสวนและมีการส่งสิ่งตรวจ โดยในช่วงรอผลตรวจจะต้องได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่อไป.
