การเจรจานโยบายระดับสูงของ ASEMในเวียดนาม:
วิสัยทัศน์ใหม่สำหรับความร่วมมือของเอเชีย
การที่เวียดนามประสบความสำเร็จในการจัดการเจรจานโยบายระดับสูงที่ ฟอรั่มความร่วมมือเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Cooperation Forum- ASEM)ในช่วงเวลาที่ลูกกำลังดิ้นรนกับการระบาดใหญ่ของ COVID-๑๙ แสดงให้ แสดงความเคารพของประเทศเจ้าภาพและประเทศสมาชิกสำหรับห้างหุ้นส่วนเอเชีย-ยุโรป ในขณะที่ยืนยันว่าวิสัยทัศน์ใหม่สำหรับความร่วมมือยูเรเซีย
ความพยายามของเวียดนามในการจัดงานกระดานสนทนานโยบายระดับสูง ASEM ในบริบทของการพัฒนาที่ซับซ้อนของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
หลังจากผ่านไป 1 ใน 4 ของทศวรรษแห่งการก่อตัวและการพัฒนาการประชุมเอเชีย- ยุโรปได้ยืนยันถึงความพยายามและศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของการเป็นหุ้นส่วนระหว่าง 2 ทวีปอย่างไรก็ตามในบริบทของสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนด้วยปัจจัยและแนวโน้มใหม่ๆที่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดของระบาดใหญ่ของ COVID-๑๙ ในปีที่ผ่านมา ASEMไม่ควรเพียงส่งเสริม ความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังมีวิสัยทัศน์ใหม่ในการสนับสนุนประเด็นสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืนในสองทวีปและทั่วโลกที่ได้ดียิ่งขึ้น
นี่คือการอภิปรายของการเจรจานโยบายระดับสูงของASEM ในหัวข้อ “25 ปีของ ASEM การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหุ้นส่วนเอเชียในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง” ซึ่งมีเวียดนามเป็นประธานจัดขึ้นในรูปแบบของการผสมผสานระหว่างทางออนไลน์และแบบตัวต่อตัว เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน
การเจรจานโยบายระดับสูงของอาเซียนเป็นความคิดริเริ่มของเวียดนามเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีของการก่อตั้งอาเซียน (พ.ศ ๒๕๓๙ -๒๕๖๔) และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญที่สุดของฟอรั่มในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ผลการเจรจาจะเป็นส่วนสำคัญต่อการประชุมสุดยอด ASEM ครั้งที่ ๑๓ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 25-26 พฤศจิกายนที่กัมพูชาโดยมีเป้าหมายในการร่วมสร้างวิสัยทัศน์ใหม่สำหรับความร่วมมือยูเรเซียบทสนทนามุ่งเน้นไปที่การอภิปราย สามประเด็น:การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของสถานการณ์ในโลกและ สองทวีปปัจจัยและแนวโน้มใหม่ๆที่ส่งผลต่อความร่วมมือยูเรเซียในทศวรรษหน้า;บทบาทของความร่วมมือยูเรเซียในการจัดการกับความท้าทายระดับโลก การเสริมสร้างความร่วมมือพหุภาคี การส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม วิสัยทัศน์ความร่วมมือยูเรเซียในระยะต่อไป
การเข้าร่วมงานของเจ้าหน้าที่หลายคนทั้งแบบตัวต่อตัวและทางออนไลน์ รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศของลาว กัมพูชา บริเตนใหญ่ รัสเซีย เกาหลี สิงคโปร์ รองประธานคณะกรรมธิการ ยุโรป (EC) และผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป (EU)ที่ดูแลด้านความปลอดภัยและนโยบายต่างประเทศ โจเซฟ โบเรลล์ และผู้แทนเกือบ 200 คน จากหน่วยงานรัฐบาล อุตสาหกรรม ธุรกิจ และองค์กรทางสังคม ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสมาชิกให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลไกความร่วมมือ ASEM และแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดภายในกรอบของASEM เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระยะต่อไปใหม่ งานนี้ยังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นหุ้นส่วนเอเชีย-ยุโรปซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของฟอรัมASEM ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน
ASEM ตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจทั่วโลก
หลังจากผ่านไป 1 ใน 4 ของทศวรรษของการพัฒนาอย่างต่อเนื่องASEM ได้กลายเป็นกลไกความร่วมมือระหว่างภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยสมาชิก ๕๓ ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ ๖๐ % ของประชากร ๕๕% ของการค้าและมากกว่า ๖๐% ของ GDP โลกรวมถึงคู่ค้าเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งในเอเชียและยุโรป
ASEM ได้กลายเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตการเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก
การประเมินบทบาทปัจจุบันของASEM รองประธาน EC Josep Borrell เน้นว่าASEM เป็นกลไกความร่วมมือที่ครอบคลุมมากที่สุดระหว่างเอเชียและยุโรป ASEM ได้กลายเป็น แฟลตฟอร์มการทำงานร่วมกันสำหรับสมาชิกเพื่อจัดการกับความท้าทายที่สำคัญที่สุดของโลก ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว :จากการเชื่อมต่อการค้าและการลงทุนการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศไปจนถึงความท้าทายด้านความปลอดภัยในพื้นที่กว้างๆเช่นการต่อต้านการก่อการร้าย การย้ายถิ่น การเดินเรือ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ เขายืนยันว่าในหลายๆด้าน การพัฒนาระหว่างประเทศเมื่อเร็วๆนี้ช่วยเพิ่มพูลมูลค่าของASEM ให้เป็นหน่วยการสร้างที่สำคัญสำหรับระบบระหว่างประเทศที่เปิดกว้างความร่วมมือและตามกฎเกณฑ์การเจรจานโยบายระดับสูงของ ASEM นี้เกิดขึ้นในบริบทที่คนทั้งโลกกำลังดิ้นรนกับการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ความเห็นที่ Dialogue ทั้งหมดเน้นถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงปัจจัยใหม่อย่างเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด คณะผู้แทนเห็นพ้องกันว่าASEM จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ความร่วมมือใหม่เพื่อสนับสนุนประเด็นสันติภาพ ความมั่นคงเสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ในสองทวีปและทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้นและเพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการพัฒนาของสมาชิกASEM อย่างตั้งคิดค้น และสร้างสรรค์ในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และนำประโยชน์ในทางปฏิบัติมาสู่ประชาชน Josep Borrell เน้นย้ำถึงผลกระทบของปัจจัยต่างๆเช่น การระบาดใหญ่ของ covid-๑๙ ที่มีต่อการกำหนดวาระทางการเมืองของASEM ในอีกหลายปีข้างหน้า
เมื่อเผชิญกับการระบาดใหญ่ที่สุดของทศวรรษโลกต้องการกลไกความร่วมมือเช่นอาเซียนเพื่อให้เกิดประสิทธิผลด้วยมาตรการประสานงานที่นำไปใช้ได้จริงและมีประสิทธิภาพเวทีเสวนาในกรุงฮานอยถือเป็นการดำเนินการครั้งแรกของแนวโน้มนี้ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะหารือถึงมาตรการที่เป็นรูปประธรรมและเป็นรูปกระทำเพื่อเอาชนะช่วงเวลาที่ยากลำบากในปัจจุบันแบ่งปันประสบการณ์มาตรการเพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยั่งยืนตลอดจนต่อต้านการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ที่เสวนาวิทยากรเน้นย้ำไม่มีใครปลอดภัยหากทุกคนไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วนเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรปทั้งหมดต้องร่วมมือกันเอาชนะโรคระบาดนี้ดังนั้นสมาชิกASEM จึงจำเป็นต้องส่งเสริมการแบ่งปันวัคซีนเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาและผลิตวัคซีน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีวัคซีนไม่เพียงแต่จัดการกับความท้าทายใน ทันทีสมาชิก ASEM ยังกำหนดด้วยว่าจำเป็นต้องเริ่มจัดการกับความท้าทายในระยะกลางและระยะยาวทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้ประโยชน์จากการพัฒนาของปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ เพื่อให้สะอาดยั่งยืนและครอบคลุม และนวัตกรรมการพัฒนาสีเขียว เพื่อคุณภาพชีวิตของคนใน สองทวีปยูเรเซีย
ด้วยความคิดริเริ่มและแนวคิดที่วิทยากรแบ่งปันในฟอรัม นี้เป็นไปได้ที่จะเห็นความคาดหวังอย่างมากเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตของฟอรัมASEM ในอีก ๕๑๐ ปี ข้างหน้าและต่อต่อไปดังนั้นASEM
จะยังคงส่งเสริมบทบาทที่แข็งแกร่งของตนต่อไปในโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลกแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนครอบคลุม นวัตกรรม และผู้คนเป็นศูนย์กลางการนำมาซึ่งความสงบสุข ความมั่นคง ความเจริญและความสุขไม่เพียงแต่สองทวีป แต่ยังโลกทั้งโลก
ด้วยความคิดริเริ่มและการจัดองค์กรที่ประสบความสำเร็จของการเจรจานโยบายระดับสูงASEM เวียดนามได้ยืนยันถึงบทบาทที่สำคัญในการมีส่วนร่วมในการสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดยืนของASEM ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ ฟอรัมคณะผู้แทนชื่นชมอย่างสูงในความคิดริเริ่มของเวียดนามในการจัดฟอรัมซึ่งมีส่วนสำคัญในการคงไว้ซึ่งโมเมนตัมของความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทที่จัดกิจกรรมอาเซียนถูกขัดจังหวะมานานกว่าหนึ่งปีโดยการระบาดโรคโควิด-19 ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเวียดนามและประเทศอื่นๆต่อหุ้นส่วนเอเชียยุโรป
ด้วยการอภิปรายเชิงปฏิบัติและทันเวลาความสำเร็จในการจัดงานกระดานสนทนานโยบายระดับสูงASEM คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนอย่างมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูหลังเกิดโรคระบาดที่โลกกำลังร่วมกันส่งเสริมความสำเร็จของการพัฒนาในช่วง ๒๕ ปี ที่ผ่านมาจะสร้างแรงผลักดันที่แข็งแกร่งสำหรับความร่วมมือของยูเรเซียที่จะเฟื่องฟู ในอนาคตอันใกล้เพื่อประโยชน์ของสมาชิก ASEM และประเทศทั่วโลก./.
สมบูรณ์ สุขชัยบวร…..รายงาน
