วันศุกร์ 26 เมษายน 2024

อาจารย์สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อมฯ มข. คัดค้านการออกกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย

อาจารย์สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อมฯ มข. คัดค้านการออกกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย
Header Ads
Header Ads
Header Ads
Header Ads

อาจารย์สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อมฯ มข. คัดค้านการออกกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย


คณาจารย์สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มข. ยื่นหนังสือ “การคัดค้าน ข้อ 21 (3) ของการออกกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ……”

   เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่าสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น คณาจารย์สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รศ.ดร.พรพรรณ สกุลคู หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ได้นำทีมคณาจารย์ จำนวนรวม 6 ท่าน คือ ผศ.ดร.ยุพรัตน์ หลิมมงคล ,ผศ.ดร.ฤทธิรงค์ จังโกฏิ, อาจารย์นัฐชานนท์ เขาราธ อาจารย์วรวรรณ ภูชาดา และอาจารย์กชกร อึ่งชื่น เข้าพบและยื่นหนังสือ “การคัดค้าน ข้อ 21 (3) ของการออกกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ……” ของสภาเครือข่ายสภาสถาบันการศึกษาและเครือข่ายวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Professional network of occupational health and safety: PNOHS) ต่อนายพัฒนชาต ชุมทอง สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น และทีมงาน


เพื่อสื่อสารวัตถุประสงค์และแลกเปลี่ยนมุมมองงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยต่อแรงงานในสถานประกอบกิจการ
รศ.ดร.พรพรรณ สกุลคู หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย เปิดเผยว่าคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็น 1 ใน 48 สถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตทางด้าน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และเป็นทีมงานในสภาเครือข่ายสภาสถาบันการศึกษาและเครือข่ายวิชาชีพ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Professional network of occupational health and safety: PNOHS) ได้เล็งเห็นผลกระทบของข้อ 21(3) ของ(ร่าง) กฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ซึ่งได้ระบุข้อ 21 (3) ไว้ว่า “ข้อ 21 เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการตามบัญชี 1 และ 2 ไม่น้อยกว่า 5 ปี และผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ” ซึ่งข้อ 21(3)จะส่งผลกระทบต่องานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมีเหตุผลชี้แจง ดังนี้
ประการที่ 1 การอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพเพื่อให้ได้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพตามกฎกระทรวงฯ ข้อ 21 (3) นั้น พบว่า ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่กำหนดชี้ชัดถึงคุณภาพที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งความแตกต่างจากการผลิตบัณฑิตจากทางสถาบันการศึกษาที่ถูกกำกับและควบคุมคุณภาพของหลักสูตร โดยมีเกณฑ์กำหนดชัดเจนให้เรียนพื้นฐานทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างน้อย 44 หน่วยกิต
โดยมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ประกอบด้วยหมวดวิชาเฉพาะ กลุ่มวิชาบังคับพื้นฐานวิชาชีพ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 2) กลุ่มวิชาความปลอดภัย 3) กลุ่มวิชาวิศวกรรมทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือเทคโนโลยีการควบคุมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 4) กลุ่มวิชากฎหมายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 5) กลุ่มวิชาสุขศาสตร์อุตสาหกรรม และ 6) กลุ่มวิชาสนับสนุนวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ประการที่ 2 จากข้อมูลสามารถผลิตบัณฑิตทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ได้ประมาณปีละ 12,000 คน โดยสถาบันที่เปิดสอนด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยทั้ง 48 แห่ง ซึ่งมีคุณสมบัติสอดคล้องตามกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้นั้น พบว่า สามารถเข้ามาดูแลแรงงานในสถานประกอบกิจการให้ได้รับความปลอดภัยและสุขอนามัยได้เพียงพอต่อความต้องการของสถานประกอบกิจการ (เนื่องจากสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปทั่วประเทศมีเพียง 16,027 แห่ง)
ดังนั้น หากมีการประกาศใช้ (ร่าง) กฎกระทรวงฯ ข้อ 21(3) ควรมีการพิจารณาข้อจำกัดเกี่ยวกับอัตราการผลิตเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพ เนื่องจากจะทำให้เกิดการผลิตเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพที่มากเกินความต้องการของตลาดแรงงาน
ประการที่ 3 การทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องดูแลด้านสุขภาพและอนามัยของแรงงานได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตระหนัก ประเมิน และควบคุมปัจจัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยจากอุบัติเหตุ และโรคจากการประกอบอาชีพ ดังนั้น จำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยโดยตรง และมีการเรียนพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพ
หากกำหนดคุณสมบัติทั้งด้านวุฒิการศึกษาที่กว้างและประสบการณ์ไม่เฉพาะเจาะจงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ ส่งผลให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ ตามกฎกระทรวงฯ ข้อ 21 (3) นั้นมีสมรรถนะด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานด้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านนี้โดยตรง และส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลสำหรับการบริหารจัดการงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
“คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงแรงงาน ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ได้นำไปพิจารณาผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวที่เกิดขึ้นต่องานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของประเทศไทย และเปิดโอกาสให้หาทางออกเรื่องนี้ร่วมกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด”รศ.ดร.พรพรรณ กล่าว.

Header Ads
Header Ads
Header Ads
Header Ads

About The Author

Related posts

Header Ads
Header Ads
Header Ads
Header Ads