“พ่อเมืองขอนแก่น”เปิดปฏิบัติการยุทธการพิทักษ์ขอนแก่น พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก
จังหวัดขอนแก่น เตรียมใช้มาตรการเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะที่ฝ่ายปกครองขอนแก่น ร่วมกับตำรวจ เปิดปฏิบัติการยุทธการพิทักษ์ขอนแก่น พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมาก
วันนี้ (11 พ.ย. 65) ที่ห้องประชุมแก่นเมือง ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการแถลงข่าวการแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมทั้ง ร่วมประชุมรับฟังการ แก้ไขปัญหายาเสพติด ของ 26 อำเภอ จังหวัดขอนแก่น หลังได้มีการสั่งการในการแก้ไขปัญหาเสพติด และเริ่มปฎิบัติการอย่างจริง โดยมี นายศุภชัย ลีเขาสูง ปลัดจังหวัดขอนแก่น,พล.ต.ต.นพเกล้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น,นายประจวบ รักแพทย์ นอภ.เมืองขอนแก่น,พ.ต.อ.ปรีชา เร่งสาระกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ฝ่ายปกครองขอนแก่น ร่วมกับตำรวจ ทรามกลางความสนใจของสื่อมวลชนจำนวนมาก
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นเปืดเผยว่าโดยผลของการปฎิบัติการ สามารถยึดยาบ้ากว่า 760,000 เม็ด ไอซ์ และยาอี รวมทั้ง อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เป็นของกลางที่ชุดปฏิบัติการ” ยุทธการพิทักษ์ขอนแก่น” ตรวจยึดได้ หลังจากกระจายกำลังตรวจค้น พื้นที่เป้าหมาย กว่า 880 แห่ง เมื่อช่วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค- 8 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ฝ่ายปกครองขอนแก่น ร่วมกับตำรวจ เปิดปฏิบัติการยุทธการพิทักษ์ขอนแก่น พบสิ่งผิดกฎหมายจำนวนมากโดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืน จับกุมได้ 192 คดี ผู้ต้องหา 192 คน อาวุธปืน 184 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 506 นัด/ความผิดเกี่ยวกับ “จำหน่าย” อาวุธปีน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุนปืนจับกุมได้ 2 คดี ผู้ต้องหา 2 คน/ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จับกุมได้ 1688คดี ผู้ต้องหา 1,689 คน.
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า นอกจากยุทธการพิทักษ์ขอนแก่นแล้ว ทางจังหวัดขอนแก่นยังได้กวาดบ้านตนเอง โดยได้ตรวจหาสารเสพติดของข้าราชการ ขณะนี้พบว่าหลังจากที่ตรวจไปพบเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 21 รายมีสารเสพติดในร่างกาย แต่ขณะนี้ยังไม่ตัดสินเอาผิด แต่แนวทางกว้างๆ เสพคือผู้ป่วยจะได้รับการยกเว้นไม่ถูกลงโทษไม่ได้
ข้าราชการจะเทียบกับประชาชนทั่วไปไม่ได้ เพราะข้าราชการทราบดีว่ายาเสพติดนั้นเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งโทษตามกรอบของ ก.พ.นั้น อย่างต่ำจะต้องให้ปลดจากตำแหน่งทันที และสูงสุดคือไล่ออก ขอลดโทษได้เหลือปลดออก ซึ่งแต่ละรายจะต้องดูเป็นรายๆ ไปว่าจะถูกลงโทษแบบใด เพื่อจะได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ดี.
